‘ทีมโปเยโปโลเย’ ช่างชุมชนที่ลืมว่าตัวเองพิการ แต่ลงมือปรับปรุงบ้านให้คนพิการและคนสูงวัยด้วยฝีมือและความเห็นอกเห็นใจ

สวนข้างบ้านขนาดเล็กรายล้อมไปด้วยต้นไม้และพื้นดิน เป็นจุดนัดหมายของเรากับ ‘ทีมช่างชุมชน’ ในครั้งนี้

ทีมช่างชุมชน หรือที่พวกเขาชอบเรียกตัวเองว่า ‘ทีมโปเยโปโลเย’ (ชื่อภาพยนตร์จีนที่ทำจากเรื่องสั้น ซึ่งเขียนโดยผูสงหลิง มักเล่าเรื่องเกี่ยวกับภูติ ผี ปีศาจ) เพราะสมาชิกแต่ละคนท่าเดินคล้ายกับตัวละครปีศาจในเรื่อง

พวกเขาเป็นช่างเหมือนตามนิยาม ‘ช่าง’ ทั่วๆ ไป แต่แตกต่างตรงที่มีคำว่า ‘ชุมชน’ พ่วงท้าย นั่นหมายความว่าพวกเขาดูแล ‘บ้าน’ ให้กับคนในพื้นที่ตำบลชมภู อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและคนพิการ เป็นส่วนหนึ่งของงานกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการโดยชุมชน หรือ CBID (Community-based Inclusive Development) กระบวนการนี้มีแนวคิดเริ่มจากการดูแลคนพิการให้เขากลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้เหมือนเดิม ตามศักยภาพที่ตัวเองมี ก่อนขยายไปพัฒนาคนสูงอายุ

CBID จะเข้าไปทำงานกับกลุ่มเป้าหมาย คนพิการ คนสูงอายุ และครอบครัว พัฒนา 5 เรื่อง คือ การสาธารณสุข การศึกษา การเลี้ยงชีพ การเข้าสังคม และการเสริมพลัง

โชคดีที่วันนี้แดดออกไม่มีฝนตกเหมือนวันก่อนๆ ทำให้งานตัดต้นไม้ของทีมช่างชุมชนวันนี้มีอุปสรรคน้อยลง ช่างแต่ละคนเมื่อมาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ต่างคนต่างจับอาวุธของตัวเองและลงมือตัดแต่งต้นคูณขึ้นกลางสวน

“ถ้าสังคมไม่เห็นคนพิการ ไม่เข้าใจความพิการ ก็จะเกิดคนพิการในครอบครัวต่อไปเรื่อยๆ”

พ่อหลวงอนันต์ แสงบุญ อดีตผู้ใหญ่บ้านและหนึ่งในคณะทำงานที่ริเริ่มงาน CBID เล่าว่า ตอนที่ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน เขามีเป้าหมายอยากพัฒนาชีวิตคนในหมู่บ้านให้ดีขึ้นทุกคน โดยเฉพาะคนพิการและคนสูงอายุที่มักจะถูกมองข้าม เพราะสมรรถนะร่างกายที่ไม่เต็มร้อยเท่าคนอื่นๆ ทำให้หลายคนไม่ให้ความสำคัญ กลายเป็นข้อจำกัดในการใช้ชีวิตจนคนพิการและคนสูงอายุถูกผลักออกไป เช่น คนสูงอายุที่ต้องใช้ชีวิตอยู่แต่บนเตียงหรือในบ้านเท่านั้น เพราะคนดูแลกลัวว่าถ้าออกมาข้างนอกจะเป็นอันตราย ทำให้พวกเขาไม่ได้ขยับตัวส่งผลต่อสภาพร่างกาย หรือจิตใจที่ต้องอยู่ในพื้นที่เดิมนานๆ

พ่อหลวงอนันต์เชื่อว่า ทุกคนมีความสามารถในตัวเอง แม้จะไม่เท่ากันก็ตาม เพราะสิ่งที่คนอยากได้ คือ การใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ไม่อยากรอรับความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ เท่านั้น 

ภารกิจพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการและผู้สูงอายุของที่นี่จึงเริ่มขึ้น สิ่งแรกที่พ่อหลวงทำ เริ่มจากจัดการพื้นที่ที่พวกเขาใช้เวลามากที่สุด นั่นก็คือที่บ้าน

เป็นภารกิจของทีมช่างชุมชนที่จะเข้ามาปรับปรุงสภาพบ้าน ให้เหมาะกับพวกเขาและช่วยเพิ่มศักยภาพในตัวเอง โดยมีเป้าหมายเรียบง่าย คือ ให้พวกเขาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างไม่ต้องรอให้ใครยื่นมือมา 

“คนพิการที่เดินไม่ได้ เวลาไปเข้าห้องน้ำเปิ้น (เขา) ต้องมีคนอุ้ม แต่คนพิการบางคนที่เปิ้น (เขา) ยังพอเดินได้ สามารถใช้ไม้ค้ำ เฮา (เรา) ก็จะทำราวจับให้เปิ้น (เขา) สามารถเดินไปเข้าห้องน้ำได้เอง” อนันต์ ชัยมงคล หนึ่งในทีมช่างชุมชนเล่าถึงการทำงานของช่างชุมชนไปพลางพร้อมกับเลื่อยกิ่งไม้ไปด้วย

ทีมช่างจะสำรวจว่าคนพิการมีสมรรถนะเท่าไร โดยใช้แบบประเมินความพิการ หรือ ICF (International Classification of Functioning) สำรวจที่อยู่อาศัยว่าเป็นอย่างไร มีจุดไหนที่ควรปรับปรุง ก่อนจะมาเริ่มออกแบบและลงมือปรับสภาพบ้าน

การเข้าห้องน้ำได้เอง เป็นเรื่องที่คนพิการและคนสูงอายุหลายคนอยากทำ เพราะการทำเรื่องพื้นฐานในชีวิตได้เอง ทำให้รู้สึกดีกับตัวเอง มีความหวังจะทำอย่างอื่นได้ต่อ ทำให้ร่างกายได้รับการฟื้นฟูจากการเคลื่อนไหว อนันต์เล่าว่า ห้องน้ำที่นี่ส่วนใหญ่จะใช้ส้วมแบบนั่งยอง ทำให้เข้าลำบาก ช่างก็จะเปลี่ยนเป็นส้วมแบบนั่งสบายๆ แทน ทำราวจับเพื่อให้สามารถลุกยืนเองได้ 

“การปรับสภาพบ้านไม่ได้แปลว่าต้องเปลี่ยนแปลงทุกส่วนในบ้าน เพราะถ้าคนพิการคนนี้เสียชีวิตไป แล้วไม่มีสมาชิกในบ้านคนไหนจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้ต่อ เขาก็ต้องปรับบ้านอีกครั้ง” พ่อหลวงอนันต์เล่าถึงสิ่งที่ช่างชุมชนต้องคำนึง นอกจากเข้าใจความต้องการของคนใช้งานแล้ว สามารถออกแบบพื้นที่ให้กับสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านด้วย

โจทย์สำคัญอีกอย่างที่ทีมช่างทำงานหนักไม่แพ้กัน คือ ค่าใช้จ่าย เพราะคนพิการและผู้สูงอายุบางคนไม่ได้มีรายได้มาก บางคนมีเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุหรือเบี้ยยังชีพคนพิการ ในการก่อสร้างทีมช่างพยายามลดต้นทุนวัสดุ  โดยเน้นการเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่มีในชุมชน หรือใช้วัสดุทดแทนที่ราคาถูกกว่า

อนันต์ยกตัวอย่างล้อวีลแชร์ที่มักจะเสื่อมสภาพง่าย การเปลี่ยนยางล้อรถมีราคาสูง ทำให้เขาต้องมองหาวัสดุอื่นๆ จนเจอสายยางฉีดน้ำที่พอทดแทนได้ หรือเขียนจดหมายไปขอวัสดุอุปกรณ์ในร้านขายวัสดุก่อสร้างจะทิ้ง  ทำให้ได้ของที่ราคาไม่แพง 

นอกจากปรับปรุงบ้านให้ผู้สูงอายุและคนพิการ งานอีกอย่างของทีมช่างชุมชน คือ ดูแลบ้านให้สมาชิกคนอื่นๆ ผ่านกิจกรรม ‘ธนาคารเวลา’ เป็นกิจกรรมที่ชวนคนในชุมชนแลกเปลี่ยนทำกิจกรรมให้กันและกัน เพื่อสะสม ‘เวลา’ สิ่งที่ทุกคนต้องการและมีค่ายิ่งกว่าเงินทอง

รูปแบบกิจกรรมของธนาคารเวลา คือ จะให้สมาชิกร้องขอให้คนมาช่วยงานตัวเอง เช่น พาไปโรงพยาบาล ซ่อมของในบ้าน หรืออยู่คุยเป็นเพื่อนกับคนสูงอายุ ซึ่งคนที่ร้องขอจะให้แต้มที่ตัวเองมีกับคนที่มาทำกิจกรรม 1 แต้ม แต้มนี้เปรียบเสมือนเวลาที่สมาชิกจะให้คนอื่นๆ สามารถไปใช้แลกต่อให้คนมาทำงานให้ตัวเอง อย่างการตัดต้นไม้วันนี้ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สมาชิกร้องขอมาผ่านธนาคารเวลา

“ได้ตังค์มันอิ่มท้อง ได้แต้มมันอิ่มใจ” พ่อหลวงอนันต์บอกพร้อมกับรอยยิ้ม

ระหว่างที่ช่วยกันตัดต้นไม้ ทีมช่างต่างเดินเหินอย่างคล่องแคล่ว จนไม่รู้สึกเลยว่าแต่ละคนเองก็เป็น ‘คนพิการ’ เช่นเดียวกัน

“มันลืมไปเลย เฮาไม่ต้องไปเครียดกับมัน” สุพจน์ สมการณ์ เจ้าของบ้านที่ตัดต้นไม้และเป็นหนึ่งในทีมช่าง บอกว่าการทำงานทำให้เขาลืมไปว่าตัวเองเจ็บตรงไหน 

สุพจน์เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ทำให้ร่างกายครึ่งหนึ่งไร้ความรู้สึก แต่การเป็นผู้รับเหมาที่ต้องคุมงานลูกน้อง ทำให้เขาต้องออกมาดูงานบ่อยๆ ทำให้ได้ขยับร่างการอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะลำบากอยู่บ้าง แต่นั่นก็ทำให้สุพจน์กลับมาได้ ถึงจะไม่เต็มร้อยเหมือนแต่ก่อน 

อนันต์เองก็เป็นโรคกระดูกพรุน เพราะต้องดูแลพ่อแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงหลายสิบปี อุ้มพาไปอาบน้ำ หรือพยุงพาไปเดินเล่นเป็นระยะนานๆ ก็ส่งผลให้กระดูกของอนันต์ไม่ดีเหมือนก่อน

“วิธีดูแลคนพิการ คนสูงอายุ คือ พาเขาออกมาใช้ชีวิตในสังคม” แนวคิดที่พ่อหลวงอนันต์ใช้ทำงาน เพราะทุกคนมีศักยภาพในการดูแลและใช้ชีวิตของตัวเอง เพียงแต่ไม่เท่ากัน และเป็นสิ่งที่คนอื่นๆ สามารถหยิบยื่นให้พวกเขา เช่นทีมช่างชุมชนที่เลือกปรับสภาพแวดล้อมให้คนพิการและผู้สูงอายุกลับมาใช้ชีวิตได้อีกครั้ง รวมถึงตัวพวกเขาที่ได้มารวมตัวและกลับไปใช้ชีวิตทำงาน เป็นช่างทำกระจก หรือชาวสวน พร้อมๆ กับช่วยคนอื่นๆ 

ใกล้เที่ยงวันทำให้แดดค่อยๆ แรงขึ้น การตัดต้นไม้อาจยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี แต่ก็พอเห็นแล้วว่าเหลืองานอีกไม่มาก ทีมช่างมานั่งพักผ่อนและวางแผนงานอื่นๆ ต่อ อันเป็นกิจวัตรที่พวกเขาจะทำต่อไปในวันอื่นๆ 

ในความเป็นมนุษย์แม้จะมีความแตกต่างในสถานะและศักยภาพ ไม่ควรที่จะมีใครถูกหลงลืมหรือละทิ้งในสังคม การมีอยู่ของทีมช่างชุมชนที่นี่คงเป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นว่า คนพิการและคนสูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง หากสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยให้พวกเขา

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบุข้อความ