นิทรรศการ 9 การเปลี่ยนเเปลง
การเปลี่ยนเเปลง
สู่การลดความเหลื่อมล้ำ
และสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพ
ทำให้ทุกคนบนเเผ่นดินไทย มีขีดความสามารถ
สังคม สิ่งเเวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาวะ
การเปลี่ยนเเปลง
สู่การลดความเหลื่อมล้ำ
และสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพ
การเปลี่ยนเเปลงที่ 1
การเข้าถึงบริการสุขภาพที่เป็นธรรม
แม้จะมีสิทธิบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค (ระบบหลักประกันสุขภาพ) สิทธิสวัสดิการข้าราชการ หรือสิทธิประกันสังคมเข้ามาดูแล ภายใต้หลักคิดว่า การเข้าถึงบริการสุขภาพเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐาน แต่ยังคงมีอีกหลายกลุ่มที่ยังไม่ได้รับสิทธิหรือเข้าไม่ถึงสิทธิดังกล่าว อันได้แก่ คนไทยไร้สิทธิ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มผู้ต้องขัง กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ แรงงานข้ามชาติและคนไร้บ้าน
กระบวนการพิสูจน์สิทธิ
สำนัก 9 จึงเข้าไปหนุนเสริมเพื่อให้ประชากรกลุ่มนี้เข้าถึงบริการสุขภาพที่เป็นธรรม โครงการที่ดำเนินการและมีผลสำเร็จแล้ว ได้แก่ ‘การประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการพิสูจน์สิทธิด้วยการตรวจ ดีเอ็นเอ’ เพื่อให้คนไทยไร้สิทธิมีบัตรประชาชนเวลาป่วยก็เข้ารับการรักษาด้วยสิทธิขั้นพื้นฐาน
‘โครงการล่ามชุมชน’ เพื่อทำหน้าที่แปลภาษาสำหรับสื่อสารระหว่างผู้ให้บริการและกลุ่มผู้ป่วยชาติพันธุ์ รวมถึงให้คำปรึกษาสิทธิและบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานเพื่อให้กลุ่มชาติพันธุ์รู้ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานและกล้าไปโรงพยาบาลถ้าตัวเองไม่สบายควบคู่กับ โครงการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต) ที่ทำหน้าที่เดียวกันนี้กับกลุ่มแรงงานข้ามชาติ
โครงการล่ามชุมชน
รวมถึงผู้ต้องขังมี ‘โครงการเรือนจำสุขภาวะ’ เพื่อขับเคลื่อนเรือนจำจากการเป็น’พื้นที่ของการลงโทษ’ ไปสู่การเป็น ‘พื้นที่สุขภาวะ ซึ่งประกอบ ด้วย 2 ส่วน ส่วนแรก คือ สนับสนุนให้เรือนจำเป็นพื้นที่ซึ่งผู้ต้องขังได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ เข้าถึงการมีบริการสุขภาพไม่ต่างจากประชาชนทั่วไป มีพลังสร้างสรรค์ มีกำลังใจที่จะออกไปใช้ชีวิตภายนอกเมื่อพันโทษไม่กระทำผิดซ้ำ และส่วนที่สองคือการเตรียมให้ผู้พ้นโทษ ได้รับการยอมรับจากสังคมและลดอคติที่สังคมมีต่อผู้ต้องขัง
รวมถึงการทำงานกับ LGBTIQN+ ที่มีอัตลักษณ์เชิงซ้อน (พิการทางการได้ยินแรงงานข้ามชาติ และพนักงานบริการ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการสุขภาพ) และ sex worker ให้เข้าถึงบริการสุขภาพโดยคลินิกที่ดูแลและบริการอย่างเพื่อนที่เข้าใจเพื่อนโดยกลุ่ม SWING กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ควรมีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลังเพราะต่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และโอกาสเป็นสิ่งที่ทุกคนควรเข้าถึง
โครงการล่ามชุมชน
การเปลี่ยนเเปลงที่ 2
การสร้างหลักประกันความมั่นคงในการดำรงชีวิต
‘ความมั่นคงในการดำรงชีวิต’
คือ สิ่งที่ทุกคนพยายามไขว่คว้า เพราะมันไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่หมายถึง ปัจจัยพื้นฐานที่ครอบคลุมมิติต่างๆ ในการดำรงชีวิต รวมถึงเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพด้วย หากต้องการความมั่นคงทางรายได้ เราก็ต้องมีอาชีพที่เป็นหลักเป็นฐาน หากต้องการความมั่นคงทางที่อยู่อาศัย เราก็จะพยายามหาที่พักอาศัยเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือเช่าก็ตาม แต่สำหรับบางคน ความมั่นคงต่าง ๆ เป็นความฝันและต้องใช้ความพยายามที่มากกว่าคนอื่น เพราะถูกสังคมมองข้ามไป
การจ้างงานเชิงสังคม
โครงการบ้านคนละครึ่ง
สำนัก 9 จึงขับเคลื่อนงานเพื่อสนับสนุนให้ทุกคนเข้าถึง ‘หลักประกันความมั่นคงในการดำรงชีวิต’ ซึ่งจะช่วยให้เขามีความมั่นใจและวางแผนชีวิตตนเองในอนาคตได้ ทั้งเรื่องการจ้างงานเชิงสังคม โดยมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมที่ช่วยสร้างโอกาสให้คนพิการได้แสดงศักยภาพ เรียนรู้ และมีรายได้ของตัวเองเพื่อเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบการจ้างงานอย่างยั่งยืน อีกทั้งร่วมพัฒนาโครงการบ้านคนละครึ่ง โดยชวนคนไร้บ้านมาแชร์ค่าห้องพัก ออมเงิน และหางานเพื่อเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่มีที่พักอาศัยชัดเจนไม่ใช่คนที่สังคมมองว่าไม่น่าเชื่อถือและสนับสนุน ให้เกิดโครงการ ‘วัยนี้วัยดี’ เปิดพื้นที่ให้ผู้สูงวัยมาเรียนรู้ทักษะการเป็นผู้ประกอบการจากสิ่งที่สนใจและสามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้
เมื่อมีความมั่นคงในชีวิต เราจะใช้ชีวิตอย่างอิสระ มั่นใจ
และกล้าเดินหน้าต่อในชีวิตที่ไม่แน่นอน และเต็มไปด้วย
ความเสี่ยงต่าง ๆ รอบด้านด้วยตัวเขาเอง
"บางคนไม่มีงาน พอได้ทำงาน เขาอยากบอก
สำหรับคนอื่นอาจดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับคนไร้บ้าน
มันเป็นสิ่งที่พวกเขาภูมิใจและอยากบอกใครสักคน"
แทน (นามสมมติ)
แกนนำคนไร้บ้านโครงการบ้านคนละครึ่ง
การเปลี่ยนเเปลงที่ 3
การจัดสวัสดิการถ้วนหน้า
สวัสดิการขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนควรได้รับแต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงและขาดการคุ้มครอง ทำให้พวกเขาต้องแบกรับความเสี่ยงจากการทำงานและใช้ชีวิต
ประชาชนจำนวนมากยังต้องพิสูจน์สถานะทางเศรษฐกิจเพื่อให้ได้รับสิทธิสวัสดิการจากภาครัฐ กลุ่มแรงงานนอกระบบยังต้องทำงานมากกว่าวันละ 8 ชั่วโมง หรือแรงงานข้ามชาติยังไม่สามารถเข้าถึงระบบบริการสุขภาพได้ รวมถึงคนไทยไร้สิทธิที่ต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปีสำหรับการพิสูจน์สถานะของตนเอง และตลอดเวลาที่ผ่านมาต้องถูกจำกัดพื้นที่การใช้ชีวิตไว้เพียงอำเภอที่อาศัยอยู่
เเรงงานข้ามชาติ
สำนัก 9 จึงเข้ามาสนับสนุนการจัดทำ ข้อเสนอนโยบายสวัสดิการสังคมและสุขภาวะ “รัฐสวัสดิการถ้วนหน้าจากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน”เพื่อให้สวัสดิการขั้นฟื้นฐานเป็นสิทธิของทุกคนอีกทั้งข้อเสนอต่อการขับเคลื่อนเชิงนโยบายและปฏิบัติการ ให้เกิดการคุ้มครองกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่ยังมิได้รับการคุ้มครอง ผลักดันให้แรงงานข้ามชาติเข้าถึงหลักประกันสุขภาพและการคุ้มครองทางสังคม รวมถึงข้อเสนอเชิงนโยบายต่อคุณภาพชีวิตของคนทำงานแพลตฟอร์ม ยื่นข้อเสนอเพื่อให้แรงงานนอกระบบได้รับสวัสดิการที่เป็นธรรม และร่วมขับเคลื่อนการพิสูจน์ตัวดนของคนไทยไร้สิทธิ์เพื่อให้มีชีวิตอย่างอิสระเพื่อให้ข้อเสนอต่าง ๆ เดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำควบคู่ไปกับการทำงานเชิงข้อมูลเพื่อให้สังคมมองเห็นปัญหาร่วมกันและได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างเป็นธรรมและได้รับสวัสดิการอย่างเท่าเทียม
เเรงงานข้ามชาติ
การเปลี่ยนเเปลงที่ 4
การเตรียมความพร้อมสังคมสูงวัย
ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยเเละกำลังจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ปี 2564 ประเทศไทยมีประชากรวัยเด็ก(0-14 ปี) 10.4 ล้านคน หรือร้อยละ 15.8 และมีผู้สูงอายุ 13.4 ล้านคน หรือร้อยละ 19.6 ของประชากรทั้งหมด ขณะเดียวกัน และอัตราการเกิดก็น้อยลง ซึ่งสะท้อนว่าบ้านหนึ่งหลังจะมีผู้สูงอายุมากขึ้น เพราะวันหนึ่งญาติผู้ใหญ่ในบ้านก็จะกลายเป็นผู้สูงอายุ และเด็กที่กำลังจะเติบโตก็จะเป็นคนแบกภาระดูแล รวมถึงเป็นเสาหลักของครอบครัวในอนาคต ซึ่งอาจมากกว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่วันนี้กำลังแบกรับไว้ แต่ภาระนี้จะเบาลงได้ หากคนทุกวัยเตรียมพร้อมไปทุกด้าน
สำนัก 9 จึงเข้ามาสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบรองรับสังคมสูงวัย การพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย และการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุใน 4 มิติ ได้แก่ สุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อม ผ่านโครงการต่างๆ จำนวนมาก รวมถึงโครงการเราต่างเหมือนกัน เปิดพื้นที่ให้คนต่างวัยได้คุยกัน
โครงการเราต่างเหมือนกัน
ขับเคลื่อนสังคมสูงวัยระดับพื้นที่
งานที่เราทำ ไม่ใช่การทำงานกับ
ผู้สูงอายุเพียงกลุ่มเดียว
แต่ทำงานกับกลุ่มเยาวชนและ
วัยทำงานในการเตรียมพร้อมที่จะเป็นสังคมผู้สูงอายุที่มีคุณภาพให้
ผู้สูงอายุพึ่งตัวเองให้ได้นานที่สุด
กรรณิการ์ บรรเทิงจิตร
ผู้จัดการสำนักประสานนโยบาย
รองรับสังคมสูงวัย (สปสว.)
การเปลี่ยนเเปลงที่ 5
การออกเเบบเพื่อคนทุกคน (Universal Design)
โครงการการปรับสภาพบ้าน เพื่อคุณภาพชีวิตผู้พิการเเละผู้สูงอายุ
โครงการการจัดการเเละปรับปรุงสภาพเเวดล้อมในเมืองเก่า
Universal Design
คือ การออกแบบสำหรับทุกคนให้เข้าใจ
และคำนึงถึงข้อจำกัดของคนที่หลากหลาย
เป็นการทำให้กลุ่มคนที่มีข้อจำกัดทางกายภาพ
โดยเฉพาะคนพิการ ผู้สูงอายุ มีศักดิ์ศรีในการดำรงชีวิต
สามารถใช้ชีวิตภายในบ้าน และออกเดินทางได้ด้วยตัวเอง
ภรณี ภู่ประเสริฐ
ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะ
ประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส.
การเปลี่ยนเเปลงที่ 6
การลดความรุนเเรงบนฐานเพศ
1.6 คนต่อชั่วโมง
คือ ตัวเลขของผู้หญิงที่ถูกกระทำความรุนแรง มารับบริการศูนย์พึ่งได้และโรงพยาบาลตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าจำนวนคนที่ถูกใช้ความรุนแรงยังคงเกิดขึ้นเรื่อย ๆ
ข้อมูลจากศูนย์พึ่งได้ กองบริหารสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ปี 2550 – 2563
ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศ เป็นหนึ่งสาเหตุที่กระทบกับการมีสุขภาวะที่ดีของผู้หญิง ทำให้สำนัก 9 สนับสนุนการทำงานของแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ และภาคีเครื่อข่าย เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนมีสุขภาวะที่ดี เริ่มจากสิทธิขั้นพื้นฐานทางสุขภาพในมิติต่างๆ เช่น สิทธิในการเข้าถึงบริการสุขภาพ สิทธิในการปกป้องคุ้มครองตัวเองให้รอดพ้นจากความรุนแรง เป็นต้น
โครงการปักหมุด จุดเผือก
เป้าหมายในการทำงานนี้ นอกจากผู้หญิงทุกคนมีสุขภาวะที่ถื คือสร้างสังคมที่ไม่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ความรุนแรง
ตัวอย่างการทำงาน เช่น การลงไปทำงานกับชุมชพ ผ่านโครงการพัฒนาแกนนำและกลไกชุมชนเพื่อป้องกันและช่วยเหลือผู้หญิงและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครัว โดย รศ.ดร.สุขาดา ทวีสิทธิ์ แก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศและในครอบครัวที่หญิงมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มักประสบพบเจอ โดยไปทำงานกับแกนนำชุมชนและอาสาสมัครที่สนใจ ตั้งทีมงานสำรวจวางแผนป้องกัน และรับมือกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง
งานรณรงค์สื่อสารกับสังคมให้เข้าใจปัญหาการคุกคามทางเพศ ผ่านโครงการปักหมุด จุดเผือก โดย เครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง เพื่อแก้ไขปัญหาการคุกคามในพื้นที่สาธารณะ โดยชวนประชาชนที่สนใจมาร่วมเป็น ‘ทีมเผือก’ ปักหมุดจุดเสี่ยงในพื้นที่กรุงเทพฯ และการเพิ่มช่องทางออนไลน์ให้สามารถระบายแลกเปลี่ยน ได้อย่างปลอดภัย
โครงการเเกนนำเเละกลไกชุมชน เพื่อป้องกันเเละช่วยเหลือผู้หญิง
เเละผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนเเรงในครอบครัว
การเปลี่ยนเเปลงที่ 7
การมีส่วนร่วมของชุมชน
ชีวิตของคนพิการและผู้สูงอายุในสังคมไทยยังถูกดีกรอบด้วยทัศนคติบางอย่าง เช่น ควรอยู่แต่ในบ้าน ออกมานอกบ้านมันลำบาก แต่ทุกคนควรมีสิทธิที่จะได้ใช้ชีวิต แบบที่ตัวเองต้องการ และความแตกต่างไม่ควรเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต เป็นที่มาของการทำงานโดยสำนัก 9 เพื่อสนับสนุนให้คุณภาพชีวิตของคนพิการ ผู้สูงอายุ และคนชายขอบกลุ่มอื่น ๆ ดีขึ้นไปด้วยกัน
‘การสนับสนุน’ นี้ไม่ได้แปลว่าช่วยเหลือ หรือสงเคราะห์ หากเป็นการใช้ ‘ชุมชน’ ให้เป็นคนสร้าง ‘สังคม’ ที่โอบรับวิถีชีวิตและความแตกต่างของทุกคน บนแนวคิด ‘การพัฒนาที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน’ หรือ CBID (Community-based Inclusive Development)
หน้าตาของสังคมที่ดำเนินงานตามแนวคิด CBID คือ การที่ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร มีสภาพร่างกาย อายุ หรือฐานะเป็นแบบไหน ก็สามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเองอย่างมีศักดิ์ศรี ได้รับการมองเห็น เป็นสมาชิกคนหนึ่งที่อยู่ร่วมกับคนอื่น ๆ อย่างมีความหมาย
ตำบลชมภู จังหวัดเชียงใหม่
เราเชื่อในเรื่องการให้อิสระในการใช้ชีวิตของคนคนหนึ่งต้องเริ่มที่ทำให้จุดเริ่มต้นทุกคนเท่ากันก่อน
เช่น เด็กตาบอด เราจะต้องหาวิธีการยังไงก็ได้ที่ทำให้เขาสามารถเรียนรู้ได้อาจจะไม่ต้องเหมือนคนอื่น เเต่ทำให้เด็กคนนี้สามารถสอบได้เท่ากับเด็กอีก 30 คน หรือโตไปเขาสามารถเป็นยูทูบเบอร์ทำงานที่ประสบความสำเร็จได้
รศ.ดร.พญ.ศิรินาถ ตงศิริ
รองคณบดีฝ่ายวิจัยเเละประกันคุณภาพการศึกษา
คณะเเพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ตำบลชมภู จังหวัดเชียงใหม่
ปัจจุบันแนวคิด CBID ถูกทำให้เห็นเป็นตัวอย่างใน 5 พื้นที่ ได้แก่
การเปลี่ยนเเปลงที่ 8
การเสริมพลังประชากรกลุ่มเฉพาะ
การเปลี่ยนแปลงไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยลำพัง
การที่ประชากรกลุ่มเฉพาะ ถูกสังคมและสภาพแวดล้อมกีดกันและตีตรา ทำให้หลายครั้งที่พวกเขาลุกขึ้นสู้จึงถูกแรงต้านของสังคมสู้กลับ เครื่องมือเพื่อ ‘เสริมสร้างพลังอำนาจ (Empowerment)’เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของกลุ่มประชากรเฉพาะในการจัดการกับปัญหาที่ตนกำลังเผชิญ จึงถูกนำมาใช้โดยสำนัก 9
จึงเกิดเป็น โครงการเสริมสร้างศักยภาพผู้นำและหนุนเสริมปฏิบัติการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นธรรมทางสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (นธส.) เพื่อจัดกระบวนการให้ประชากรกลุ่มเฉพะได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพในด้านที่ตนเองสนใจโดยให้ความสำคัญกับความแตกต่างหลากหลายของแต่ละกลุ่มประชากร
หลักสูตรนักสร้างเสริมสุขภาวะคนพิการ (นสส.) ซึ่งจัดให้คนทำงานด้านคนพิการได้เรียนรู้ความพิการผ่านสุนทรียสนทนา และจำลองความพิการ โครงการโรงเรียนผู้นำสุขภาวะมุสลิมไทย ที่สร้างแกนนำในการพัฒนาสุขภาวะของชุมชนผ่านอัตลักษณ์มุสลิม และโครงการหลักสูตรฐานคิดสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ ซึ่งช่วยเสริมพลังให้ชุมชนเรียนรู้ เฝ้าระวัง และช่วยเหลือผู้ประสบกับความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศด้วยตัวเอง
โครงการสุนทรียสนทนา
โครงการ นธส.
Empowerment
ไม่ใช่แค่การทำงานเชิงปัจเจก
แต่มันพูดเรื่องวัฒนธรรมที่ทำให้เขารู้สึกตัวเล็ก
จึงต้องเน้นสร้างการปรับเปลี่ยนเชิงความคิด
ของสังคม
การทำให้คนหนึ่งคนมีคุณค่าและปลอดภัย
ในสังคม สังคมต้องมีพื้นที่ให้คนทุกกลุ่ม
ได้ดำรงชีวิต และฟื้นฟูศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ได้เท่าเทียมกับคนอื่น ด้วยนโยบายที่รองรับ
และสิทธิต่างๆ
ชีวิน อริยสุนทร
ผู้ดูเเลโครงการ นธส.
การเปลี่ยนเเปลงที่ 9
การสานพลังภาคประชาสังคม
การที่สังคมจะพัฒนาหรือคุณภาพชีวิตของพลเมืองจะดีขึ้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาครัฐเท่านั้น เเต่หมายถึง “ประชาชน” รวมถึงภาคประชาสังคมในฐานะ “อำนาจที่สาม” ด้วยภายใต้ความเชื่อว่า ทุกคนมีอำนาจเเละศักยภาพที่จะทำงานขับเคลื่อนสังคมเเละพัฒนาความเป็นอยู่ของทุกคน สำนัก 9 จึงสนับสนุนให้เกิดการ “สานพลังภาคประชาสังคม” ผ่านการทำงาน 4 รูปเเบบ ดังนี้
เครือข่ายภาคประชาสังคมที่ทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเฉพาะ
การพัฒนาศักยภาพ
ของคนทำงาน
ภาคประชาสังคม
เครือข่ายภาคประชาสังคมกับการขับเคลื่อนสวัสดิการ
ถ้วนหน้า
การสร้างระบบ
เพื่อเสริมความเข้มเเข็ง
ของภาคประชาสังคม
สสส. เป็นหน่วยงานหนึ่งที่สนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคมให้เป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาประเทศร่วมกับภาครัฐ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามแนวทาง
SDGs (Social Development Goals)
ของสหประชาชาติ
ภรณี ภู่ประเสริฐ
ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
บอกเราหน่อย
คุณรู้สึกอย่างไรหลังได้ร่วมงาน…
เราอยากฟังเสียงของคุณ