ทำอย่างไรให้ “แก่ทันเงินเฟ้อ” เมื่อการเกษียณไม่จบที่อายุ 60

ทำอย่างไรให้ “แก่ทันเงินเฟ้อ” เมื่อการเกษียณไม่จบที่อายุ 60

ทำอย่างไรให้ “แก่ทันเงินเฟ้อ” เมื่อการเกษียณไม่จบที่อายุ 60
.
เชื่อว่าทุกท่านคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ลำบากตอนนี้ แล้วไปสบายตอนเกษียณ” โดยหวังว่าการทำอย่างหนักมาทั้งชีวิต จะพาเราสู่เส้นชัยในวัยเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี จะได้หยุดพักผ่อนกันอย่างสบาย แต่ในความเป็นจริงมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ หรือ ? ในรุ่นก่อนหน้านี้เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า “ทำงานเก็บเงินแล้วฝากเงินกินดอกเบี้ย” เพราะเชื่อว่าดอกเบี้ยนั้นสูงเพียงพอที่จะใช้สอยในแต่ละเดือนได้ แต่ยุคปัจจุบันมันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว
.
ในปี 2565 ทั่วโลกกำลังเกิดวิกฤตเงินเฟ้อที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปีของสหรัฐฯอยู่ที่ 9.1% หรือถ้าคิดง่ายๆว่า เงินเฟ้อมากที่สุดตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มทำงานกันตอนอายุ 20 ปี จนจะถึงวัยเกษียณ กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ทั้งโลกตื่นตัวตามโดยตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของไทยเดือน พ.ค. 2565 อยู่ที่ 7.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี เงินเฟ้อคือภาวะที่เงินในมือของเรามีค่าน้อยลง เช่น เราเคยซื้อเนยกระปุกละ 80 บาท ก็อาจจะกลายเป็น 105 บาท เป็นต้น
.
ในขณะที่ค่าแรงก็ยังไม่ปรับขึ้น คำถามคือแล้วเราจะแก่ทันเงินเฟ้อได้อย่างไร? มี 3 วิธีที่อาจจะเป็นไปได้ ที่ทำให้เงินเก็บของเราสามารถประคับประคองให้ถึงบั้นป้ายของชีวิตได้ วิธีแรกก็คือ “เริ่มวางแผนการออมตั้งแต่เนิ่น ๆ” หลายคนอาจจะมีวิธีการออมที่ แตกต่างกัน ตามสัดส่วนของรายได้ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อประกันชีวิตประกันสุขภาพเพื่อลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ หรือจะเป็นการออม โดยในยุคปัจจุบันดอกเบี้ยการออมไม่เพียงพอต่อการเติบโตของเงินเฟ้อ ดังนั้นการออมอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอเสมอไป ต้องเริ่มวางแผนว่าเราจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ในยามเกษียณ จะได้กำหนดเป้าหมายการออมได้แม่นยำมากขึ้น
.
วิธีที่สองก็คือ “การลงทุน” หลายคนคงเคยได้ยินว่า “การไม่ลงทุนนั้นคือการขาดทุน” แต่ในยุคปัจจุบันการลงทุนนั้นมีความผันผวนสูงมาก ดังนั้นประเมินความเสี่ยงให้ดี ถ้าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำเช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือสลากออมทรัพย์ที่ได้ทั้งดอกเบี้ยและได้ลุ้นโชคก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ มีวิธีการออมลงทุนแบบถัวเฉลี่ยที่เรียกว่า Dollar Cost Average หรือ DCA ก็เป็นวิธีที่น่าสนใจ โดนเราตัดสินใจออมในการลงทุนแบบสม่ำเสมอเท่าๆกันในทุกเดือน เพื่อที่จะเฉลี่ยกำไรและและขาดทุน โดยคาดหวังว่าจะเป้นบวกในสันที่เราเกษียณผ่านการลงทุนประเภทต่างๆที่เราเลือกสรร ก็จะลดภาวะความเสี่ยงได้เช่นกัน
.
และวิธีสุดท้ายก็คือ “การยืดอายุการเกษียณ” ออกไป ในโลกยุคปัจจุบันที่อัตราการเกิดต่ำลง มีประชากรสูงวัยสูงมากขึ้น หลีกเลี่ยงได้ยากที่จะบอกว่า “อายุเกษียณ 60 ปี นั้นอาจเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก” ทาง สสส.เคยมีงานวิจัยออกมาว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะสวัสดิการเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงวัยนั้นไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ดังนั้นทำให้ผู้สูงวัยหลายคนไม่มีทางเลือกต้องทำงานต่อเพื่อมีรายได้พอหล่อเลี้ยงตัวเอง
.
ในปัจจุบันมีบริษัทเอกชนหลายแห่งที่มีนโยบายเปิดกว้างรับผู้สูงอายุเข้ามาร่วมทำงาน ซึ่งส่วนมากจะเป็นงานในระดับทักษะและปฏิบัติการ สิ่งที่จะต้องมองไปให้ไกลกว่านั้นก็คือการปรับสถานที่ทำงานให้รองรับกับผู้สูงวัย ตามหลักของการออกแบบUniversal Design ไม่ว่าจะเป็นทางลาด ราวจับ หรือไฟส่องสว่าง รวมไปถึงการจำกัดขอบเขตของงานเพื่อไม่ให้ผู้สูงวัยได้รับความเสี่ยงมากเกินไป เช่น ไม่ให้ทำงานที่สูง หรือ ต้องแบกสิ่งของที่หนักจนเกินไป
.
น่าจะเป็นสามวิธี ที่จะช่วยเราเตรียมตัวเพื่อวันหนึ่งที่จะแก่ให้ทันเงินเฟ้อ แต่ก็เป็นการเตือนเราว่าการเกษียณอายุ60ปี อาจกลายเป็นเรื่องอดีต และเทรนด์การจ้างงานผู้สูงวัย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นับจากนี้
.
#สังคมสูงวัย  #เงินเฟ้อ 

เเหล่งที่มา Curious People | Facebook

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบุข้อความ