เจ้าเก่า แต่ยังเก๋า : รวม 3 ร้านอาหารรสมือที่คิดถึง ที่พิสูจน์ว่ารสมือ ‘คนสูงวัย’ ยังไม่โรยรา

วัยเกษียณไม่ใช่จุดสิ้นสุด ประโยคนี้มาจาก ประสาน อิงคนันท์ ผู้ก่อตั้งเพจมนุษย์ต่างวัย ที่เชื่อว่าวัยเกษียณไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่และเป็นวัยแห่งความอิสระ จากงานหรือเวลาที่มากำหนดชีวิต รวมถึงสามารถเลือกชีวิตที่เราต้องการได้ ถ้าเราเตรียมพร้อมมาอย่างดี

มุมมองต่อคนสูงวัยที่กำลังจะกลายเป็นประชากรหลักของประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้ายังถูกปิดกั้นด้วย ‘วยาคติ’ หรืออคติของวัยว่า ผู้สูงอายุต้องได้รับการพึ่งพาจากกลุ่มคนหนุ่มสาวเท่านั้น

จากรายงาน ทัศนคติ การปฏิบัติ และตัวแบบในการส่งเสริมค่านิยมที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุในสังคมไทย 2 ทัศนคติที่มีต่อค่านิยมที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุในสังคมไทย โดย รศ.ดร.วรรณลักษณ์ เมียนเกิด และคณะ สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า ทัศนคติด้านลบที่คนวัยอื่นมีต่อผู้สูงอายุ คือ ผู้สูงอายุไม่สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้สังคมได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า หลายคนมองเห็นผู้สูงอายุเป็นคนล้าสมัย ไม่ทันการเปลี่ยนแปลงในสังคม แถมจู้จี้ขี้บ่นและเอาแต่ใจอีกต่างหาก

แต่จริงๆ แล้วคนอายุ 50-60 ปี ไม่ใช่คนแก่ที่จะอยู่ติดบ้าน ห่อเหี่ยวไม่มีเรี่ยวแรง แต่เป็นคนเกษียณยุคใหม่ที่ยังมีพลังที่อยากจะทดลองทำสิ่งใหม่ๆ รวมถึงบางคนเพิ่งได้เริ่มทำการผจญภัยครั้งใหม่ด้วยซ้ำ
เพราะชีวิตไม่ได้จบลงทันทีหลังจากเกษียณ

รวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ผู้สูงอายุยังคงทำงานได้ และมีศักยภาพ โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ประสบการณ์ หรือความน่าเชื่อถือ หนึ่งในนั้นคืออาชีพขายอาหารที่บางรสชาติก็หาที่ไหนมาแทนรสมือกันไม่ได้ ร้านตำนานเก่าแก่ต่างๆ จึงไม่ได้สะท้อนแค่เรื่องของการดำเนินธุรกิจ แต่คือการเป็นพื้นที่ให้ได้โชว์ศักยภาพ และเพิ่มพูนตัวตนว่าแม้ ‘คนจะสูงวัย’ แต่ไม่โรยรา

สิ่งนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดแบบพฤฒพลัง ที่มีความพยายามผลักดันให้ผู้สูงอายุยังคงมีส่วนร่วมกับสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และภาคส่วนอื่นๆ ในสังคม เพื่อให้พวกเขามีพื้นที่ในสังคมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่จำนวนของผู้สูงอายุมีมากขึ้นเรื่อยๆ องค์กรทั้งหลายควรจะมีส่วนร่วมในการเปิดพื้นที่ให้ผู้สูงอายุได้ใช้ชีวิตในแบบฉบับของตัวเองได้มากขึ้น

เรามัวแต่พูดกันว่า ‘คนสูงวัยกำลังไร้ค่า’ แต่ ‘ค่า’ ที่เรามองหาไม่ใช่สิ่งไหนไกลตัว แต่คุณค่านั้นอาจจะมาในรูปแบบรสมือยาย อาหารที่คุ้นเคย เจ้าของสูตรอาหารระดับตำนาน แบบที่วัดกันด้วยตัวเลขไม่ได้ แต่สามารถวัดด้วยความสุขใจในรสชาติที่คิดถึง

ตอนนี้มีรสชาติที่คิดถึงไหม รสชาติข้าวผัดแบบคุณย่า รสชาติน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวแบบอากง หรือร้านอาหารที่มีความเฉพาะตัวมากๆ ที่หาจากไหนไม่ได้แล้ว ถ้าคุณยังไม่มี เราขอแนะนำ 3 ร้านที่เจ้าของร้านอยู่ในวัยเกษียณ 60+ แต่ยังไม่หยุดมือ เพราะพวกเขาคือเจ้าเก่า แต่ยังเก๋าอยู่

พงษ์พัฒหลี (กุ๊กช็อป) รสมืออาม่า อากง ที่สั่งสมมาตั้งแต่สมัยสงครามโลก (60+)

พงษ์พัฒหลี คือร้านอาหารกุ๊กช็อปที่อยู่คู่บางรักมากว่า 50 ปี ที่มีรสมืออาม่า อากง อายุ 60+ สั่งสมประสบการณ์การทำอาหารมาตั้งแต่สมัยสงครามโลก หลายรีวิวยกให้ร้านพงษ์พัฒหลีเป็นร้านของคนรักอาหารสไตล์จีนในบรรยากาศบ้านๆ ที่แม้ว่าแม่ครัว หรือพ่อครัว จะอายุอยู่ในวัยชราแล้วแต่ยังทำลงครัวทำอาหารด้วยตัวเอง

นักรีวิว อาร์ทอี๊ดEARART ได้บรรยายความรู้สึกในรีวิวว่า สิ่งที่ทำให้ร้านนี้พิเศษไม่ใช่แค่อาหารเท่านั้น แต่อยู่ที่บรรยากาศการพูดคุย ต้อนรับด้วย อาเจ็กเจ้าของร้านและลูกเขยดูแลลูกค้าอย่างอบอุ่นเหมือนคนในครอบครัว ทำให้มื้ออาหารรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้มา

หลายๆ ผลสำรวจพบว่าการที่มีผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน ทำให้ครอบครัวนั้นมีความผูกพันเพิ่มมากขึ้น และผู้สูงอายุคือบุคคลที่ทรงคุณค่าในครอบครัว เพราะนอกจากจะมีความผูกพันในฐานะญาติผู้ใหญ่ที่เคารพ ยังเปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจของทุกคนในบ้านให้รักใคร่กลมเกลียว เป็นความอบอุ่น เป็นที่พึ่งและที่ปรึกษาที่ดี ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ถ้าใครที่อยู่ไกลพ่อแม่อาจจะเติมเต็มสิ่งนี้ด้วยร้านอาหารบ้านๆ ที่คุณลุง คุณป้าลงมือทำเองก็อาจจะช่วยได้ไม่น้อย

กินกับอี๋ รสชาติอาหารใต้จากป้ากับผ้าถุงตัวเก่งที่ชอบคลุกอยู่ในครัว (70+)

กินกับอี๋ คือร้านอาหารในจังหวัดภูเก็ตที่มีเอกลักษณ์คือ อี๋ซิ้ม (อี๋คือป้าหรือน้า) วัย 72 ปี ในชุดทำครัวโดดเด่น นุ่งกระโจมอกทำกับข้าวเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่นี่มีความโดดเด่นทั้งตัวแม่ครัว คืออี๋ และรสชาติอาหารพื้นบ้านสไตล์ภูเก็ต ผสมจีนแคะ

คำว่าพื้นบ้านในที่นี้ เจ้าของร้านในฐานะหลานบอกว่า “เราทั้งครอบครัวโตมากับอี๋ ฝีมือทำกับข้าวของอี๋ ในบ้านจึงมีอี๋ซิ้มและอี๋ทรงที่ทำอาหารเป็น”

ร้านกินกับอี๋จึงเปรียบเสมือนร้านอาหารที่เราเป็นหลานแล้วไปนั่งกินข้าวกับป้าที่มักจะใส่ผ้าถุงทำกับข้าวแบบบ้านๆ

คริสตี้ เฟอร์กูสัน (Christy Fergusson) นักจิตวิทยาด้านอาหาร เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับรสชาติอาหารจากจานของแม่ ผ่าน dailymail เอาไว้ว่า การรับรู้รสชาติทางอารมณ์ของเราสามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ด้วยเวลา ความรัก และความใส่ใจที่ทุ่มเทลงไปในมื้ออาหาร

ไม่ต้องหาคำตอบว่าทำไมบางเมนูที่แม้ว่าจะหารับประทานที่ไหน หรือวัตถุดิบดีขนาดไหนก็ยังไม่ได้รสชาติถูกใจเท่ากับรสชาติที่แม่ หรือคนในครอบครัวทำ เพราะในจานนั้นๆ มักประกอบไปด้วยความรักความผูกพันที่คนในครอบครัวส่งต่อกัน

ร้านอาหารสไตล์แบบรสมือแม่ทำจึงนิยมเพิ่มมากขึ้น แล้วก็ไม่ใช่แม่ที่อายุ 40-50 ด้วย แต่ต้องเป็นแม่ที่สูงวัยเท่านั้นถึงจำให้ความรู้สึกนี้ได้

ฮั้นโภชนา อาหารจีนไหหลำที่ต้องกดกริ่ง เพื่อเข้าไปกินข้าวในบ้านของลุงกับป้า (60+)

ฮั้นโภชนา คือร้านอาหารที่ต้องกดกริ่งก่อนที่จะเข้าไปในร้าน (บ้าน) โดยมีลุงกับป้า เป็นเชฟส่วนตัวประจำการอยู่หน้าเตา และจะเปิดแค่ตอนเที่ยงๆ ขายไปจนถึงทุ่มครึ่งเท่านั้น

ลักษณะเด่นที่สุดของร้านฮั้นโภชนา คือการที่ต้องเดินลัดเลาะไปตามซอกตึก แล้วต้องกดกริ่งที่จะมีเจ้าของร้านวัย 60+ และพ่อครัวในคนเดียวกันลงมาเปิดประตูให้เพื่อขึ้นไปที่ร้านบนห้องแถวชั้นสองขนาด 50 ตารางเมตรโดยที่ไม่มีชื่อร้าน หรือป้ายร้านบอกอย่างใด

การตกแต่งร้านจะเป็นห้องแถวที่มีโต๊ะอาหารตั้งอยู่ข้างๆ ครัวเปิด บรรยากาศแบบนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่บ้าน โดยทั้งร้านมีคนดูแลแค่สองคนคือ ลุงฮั้น เจ้าของร้านพ่อครัว และภรรยา ที่เน้นขายอาหารสไตล์กุ๊กช็อปสมัยเมื่อหลายสิบปีก่อน

ฮั้นโภชนาขายอาหารแบบนี้มาหลายสิบปี และเป็นร้านที่ลุงกับป้าทำกันเองแบบช่วยกันและกัน
เรามักจะเห็นข่าวคนสูงวัยถูกละทิ้งจากครอบครัว แต่อีกมุมหนึ่งก็มีคนสูงวัยกลุ่มหนึ่งที่พอใจกับการอยู่ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องพึ่งใคร ส่วนสำคัญคือการกระตุ้นให้สังคมไทยมีศรัทธาและเชื่อในศักยภาพของผู้สูงวัยชาวไทย ที่ยังคงเก๋าเต็มไปด้วยประสบการณ์การทำงาน และมุมมองชีวิต ที่ยังคงคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นใหม่ และนำประโยชน์ด้านนี้มาขยายให้สร้างประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด เพื่อให้ผู้สูงวัยอยู่ในสังคมของเราอย่างมีศักดิ์ศรี เท่าเทียม กับคนทุกเพศทุกวัย

Shares:
QR Code :
QR Code