How to ไปดูหนังในโรงสำหรับคนตาบอด พร้อมกับมีแอปพลิเคชัน ‘พรรณนา’ เป็นตัวช่วยในการเข้าถึงเรื่องราวได้มากขึ้น
“หนังเรื่องนี้มันต้องดูในโรง”
ประโยคที่เราสามารถเจอในการรีวิวหนังสักเรื่องหนึ่ง เพราะการดูในโรงภาพยนตร์ทำให้ได้บรรยากาศและอรรถรส ที่ไม่เหมือนกับการดูผ่านจอโทรทัศน์ หรือมือถือ ที่แน่ๆ เราจะจดจ่อกับสิ่งตรงหน้าได้มากกว่าการเปิดดูเอง ไม่มีโทรศัพท์มากวนใจ แล้วแสง เสียง ภาพที่เราได้รับก็ทำให้อิ่มเอมใจกับหนังได้ไม่ยาก ถ้าเลือกได้การดูหนังในโรงก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
แต่มีบางคนที่ยังไม่ถึงขั้นจะเลือก แต่พวกเขาขอโบกมือลาไม่ไปดูหนังในโรง หรือบางคนโบกมือลาการดูสื่อบันเทิงต่างๆ เพราะการรับสารของพวกเขาไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ ทำให้จากดูแล้วสนุก กลายเป็นยากแทน
“บางทีเราจะมีคนดูด้วย เป็นคนในครอบครัว เขาก็จะคอยอธิบายให้ฟังว่า มันเกิดอะไรขึ้น แต่เราก็รู้สึกว่า ยังไม่เข้าใจ 100% เพราะเขาก็อธิบายได้แค่บางฉากบางตอน หรือบางทีไปดูหนังคนเดียว แน่นอนว่าเราเข้าไม่ถึงหนัง 100% มีบางฉากที่เราอาจจะไม่รู้”
วิธีที่ ‘อมีนา’ ใช้รับสื่อต่างๆ อย่างละคร ซีรีส์ หรือภาพยนตร์ ในฐานะที่เป็นคนพิการทางการมองเห็น ถ้ามีคนดูข้างๆ เขาเหล่านั้นจะเป็นคนช่วยถ่ายทอดเรื่องราวให้เธอฟังอีกทางหนึ่ง เพราะสายตาของเธอไม่สามารถมองเห็นสิ่งเหล่านั้นได้ จึงต้องอาศัยการฟัง ถ้าเรื่องไหนที่อมีนาดูไม่มีเสียงบรรยายภาพ คนข้างๆ เลยต้องเป็นคนช่วยบอกเล่าทางหนึ่ง
ข้อมูลที่ได้มาอาจไม่เต็มร้อยเปอร์เซนต์ แต่ก็ทำให้อมีนายังสนุกที่จะเสพสื่อ ขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ ของเธอต่างเลิกล้มที่จะเสพความบันเทิงไปแล้ว
“เราไม่ได้กลัวที่จะเข้าไปดูหนังคนเดียว เราก็เป็นผู้บริโภคคนหนึ่งเหมือนกับคนอื่นๆ เราเคยชวนเพื่อนที่ไม่เคยไปดูหนังในโรงไปดูด้วยกัน บางคนบอกมันน่าเบื่อ เพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในหนัง ไม่เข้าใจ บางคนก็กลัวเจอคำถามว่าตาบอดแล้วมาดูหนังทำไม”
การดูหนังในโรงภาพยนตร์ หรือเข้าไปท่องในโลกความบันเทิง เลยค่อยๆ หายไปจากชีวิตของคนตาบอดบางคน
“เราคุยกันเสมอว่า ถ้าสภาพแวดล้อมถูกออกแบบให้เหมาะสม ไอ้ข้อจำกัดที่เป็นความพิการมันก็จะหายไป จริงๆ คนไม่ได้พิการหรอก มันคือสภาพกายภาพของเขา แต่สิ่งแวดล้อมทำให้เขาไม่สามารถทำสิ่งที่เหมือนกับคนอื่นๆ ได้”
ปิยะวัลย์ องค์สุวรรณ ผู้จัดการโครงการดูหนังด้วยกัน มูลนิธิด้วยกัน เพื่อคนพิการและสังคม เป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างแอปพลิเคชัน ‘พรรณนา (Pannana)’ ตัวช่วยสำหรับคนตาบอดในการดูหนังหรือสื่อต่างๆ โดยแอปพลิเคชันนี้จะมีเสียงบรรยายภาพ จะทำให้คนตาบอดสามารถดูแล้วเข้าใจได้ รับสื่อได้เหมือนคนอื่นๆ
เป้าหมายหลักของการทำงานนี้ คือ เพื่อสร้างพื้นที่ให้คนพิการได้ใช้ชีวิตในสังคม สภาพแวดล้อมจะไม่ทำให้ร่างกายของพวกเขาเป็นข้อจำกัดอีกต่อไป
เราอยากพาไปทำความรู้จักกับแอปพรรณานา และเปิดโลกเสพสื่อของคนตาบอด ที่คนตาดีก็มีส่วนร่วมได้นะ
โรงที่ 1 ฉายเรื่อง ‘รู้จักกับพรรณนา’
“เราต้องการที่จะให้การใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ต่างๆ ในสังคมมันมีความ Inclusive อย่างกิจกรรมดูหนังที่คนทั่วๆ ไปสามารถเดินไปซื้อตั๋วแล้วเข้าโรงหนังไปดูหนังได้เลยเนี่ย แล้วก็สามารถเข้าถึงเรื่องราวต่างๆ ของหนังได้ 100% แต่คนตาบอดไม่สามารถทำได้ เพราะว่ามันขาดสิ่งที่เรียกว่า ‘เสียงบรรยายภาพ’ เสียงบรรยายภาพ คือ ถ้าเราหลับตาดูมันจะต้องบรรยายสิ่งต่างๆ ที่ถูกเล่าด้วยภาพอยู่ขณะนั้น ถ้าเราหลับตาเราจะได้ยินเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหนัง เช่น เสียงฝนตก นกร้อง ตัวละครคุยกัน เสียงดนตรีประกอบ แต่มันยังขาดสิ่งที่จะเล่าได้ คือ ภาพ ตรงนี้แหละที่คนตาบอดจะรับรู้ไม่ได้นะคะ เพราะฉะนั้นมันจะมีตัวช่วยเป็น assistive ตัวหนึ่งที่เรียกว่าเสียงบรรยายภาพ”
‘พรรณนา’ แอปพลิเคชันที่ให้บริการเสียงบรรยายภาพ สำหรับคนพิการทางการมองเห็น เป็นแอปพลิเคชันที่รองรับระบบ IOS และ Android ภายในตัวแอปจะบรรจุหนัง ละคร ซีรีส์ และรายการต่างๆ ที่มีเสียงบรรยายภาพ ทำให้สามารถกดเข้าไปเลือกรับชมได้
“เราไปเจอเทคโนโลยีหนึ่งที่ชื่อว่า Audio recognition หรืออาร์ซีเอ (ACR) สมมติว่าเราไปทานข้าวที่ร้านหนึ่ง ระหว่างกินร้านก็เปิดเพลงหนึ่งที่เราชอบมาก แต่เราไม่รู้ว่าชื่อเพลงอะไร มันก็จะมีแอปหนึ่งที่สามารถบอกได้ คือ Shazam โดยการทำงานเราจะเปิดแอปแล้วให้มันจำเสียงเพลงที่กำลังเปิด แอปจะประมวลแล้วหาข้อมูลเพลงที่มันมีเพื่อดึงมาบอกเราว่า เพลงที่เปิดอยู่คือเพลงอะไร
“การทำงานของแอปพรรณนาก็ทำนองเดียวกัน เมื่อคนตาบอดไปดูหนังในโรง เปิดแอปขึ้นมามันจะทำงานทันที ตัวแอปก็จะฟังเสียงหนังที่ได้ยินขณะนั้น แล้วไปค้นในคลังข้อมูลว่าเป็นเรื่องอะไร เล่นอยู่วินาทีที่เท่าไรแล้ว ก็จะเปิดเสียงบรรยายภาพให้ตรง
“คนตาบอดสามารถไปดูหนังพร้อมกับคนอื่นๆ ได้เลย หูข้างหนึ่งฟังหนัง อีกข้างเสียงหูฟังเสียงบรรยายภาพ ได้หัวเราะไปพร้อมๆ กับคนอื่นๆ ไม่ต้องปิดโรงแยกพวกเขา”
ปิยะวัลย์ บอกว่า เมื่อก่อนการดูหนังในโรงสำหรับคนตาบอดจะเป็นในลักษณะเหมาโรงให้คนตาบอดโดยเฉพาะ เพื่อจะได้เปิดเสียงบรรยายภาพได้เต็มที่ แต่แอปพรรณนาเป็นแอปพลเคชันในมือถือ ทำให้เสียบหูฟังแล้วฟังคนเดียวได้ ไม่ต้องเปิดเสียงให้คนอื่นๆ ฟังด้วย
ที่สำคัญ พรรณนาไม่ได้ใช้แค่การดูหนังในโรงเท่านั้น แต่ทุกๆ การดูไม่ว่าจะมาจากทีวี คอม โน็ตบุ๊ค ไอแพด ขอเพียงมีคลังข้อมูลในแอปที่มีเสียงบรรยายภาพก็สามารถใช้ได้ หรือจะเปิดเข้าไปเลือกดูสื่อในแอปก็ได้ ซึ่งก็ต้องอาศัยคนทำสื่อมาลงทุนทำเสียงบรรยาย แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้นทุนสูง การเขียนบทบรรยายเหมือนบทหนังเรื่องหนึ่ง ทำให้การทำเสียงบรรยายสำหรับคนตาบอด ไม่แพร่หลาย
จากแอปพรรณนาเลยเกิด ‘โวหาร’ โปรแกรมที่ช่วยในการทำเสียงบรรยายสำหรับคนตาบอด ปิยะวัลย์บอกว่า โวหารอยู่ในช่วงพัฒนาให้ใช้งานได้ดีที่สุด หลักการทำงาน คือ โหลดคลิปที่ต้องการทำเสียงบรรยายภาพ แล้วโปรแกรมจะประมวลว่า มีวินาทีไหนที่สามารถใส่เสียงบรรยายภาพได้ แล้วช่วงเวลาที่กำหนดก็สามารถบอกได้อีกว่า เราจะใส่คำบรรยายภาพได้ยาวแค่ไหน กี่พยางค์ แล้วเราก็สามารถพิมพ์บทบรรยายอัปโหลดขึ้นไป โดยที่โปรแกรมก็จะประมวลและผลิตเสียงบรรยายภาพออกมา โดยที่เราไม่ต้องพากย์เอง
“เราพยายามที่จะสร้างนิสัยการดูหนังกลับมา วันนี้การเข้าถึงหนังมันไม่ได้ยากแล้วนะ คนตาบอดสามารถเดินเข้าโรงหนังไปกับพี่น้องเพื่อนฝูงได้แล้ว เพราะมีเสียงบรรยายภาพที่คุณฟังจากแอปได้”
ตัวเลขคนเข้าใช้งานพรรณนา ปิยะวัลย์บอกว่าอยู่ที่ประมาณ 10,000 คน ตัวเลข ในขณะที่คนพิการทางการมองเห็นที่ลงทะเบียนกับรัฐมีประมาณ 180,000 คน ทำให้เธอก็หวังว่าจะมีตัวเลขคนเข้าใช้งานพรรณนามากขึ้นอีก
โรงที่ 2 ฉายเรื่อง ‘คนตาบอดจะดูหนังทำไม เป็นคำถามที่พวกเขาไม่อยากเจอ’
การเกิดขึ้นของพรรณนาเพื่อให้คนตาบอดได้กลับมาทำสิ่งที่เคยทำ หรืออยากจะทำ เพราะมีหลายๆ คนที่เลิกไปดูหนังในโรง หรือเสพสื่อบันเทิงไปเลย เพราะความยากในการเข้าถึง อมีนาเล่าว่า เธอไม่ได้กลัว หรือไม่อยากเสพสื่อ แต่มีเพื่อนๆ หลายคนที่ไม่อยากไปดูแล้ว เพราะเจอข้อจำกัดต่างๆ ที่ทำให้การดูหนังไม่สนุกอีกต่อไป
“เราไม่ได้กลัวที่จะเข้าไปดูหนังคนเดียว เราก็เป็นผู้บริโภคคนหนึ่งเหมือนกับคนอื่นๆ เราเคยชวนเพื่อนที่ไม่เคยไปดูหนังในโรงไปดูด้วยกัน บางคนบอกมันน่าเบื่อ เพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในหนัง ไม่เข้าใจ บางคนก็กลัวเจอคำถามว่าตาบอดแล้วมาดูหนังทำไม”
สำหรับอมีนา การดูหนังเป็นการเรียนรู้แบบหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดก็ได้รู้ว่าตอนนี้ในสังคมกำลังสนใจเรื่องไหน ให้ความสำคัญกับประเด็นไหนเป็นพิเศษ วัตถุดิบยอดนิยมที่ถูกหยิบมาทำ การดูหนังมันจะทำให้เธอเข้าใจสังคม และคุยกับคนอื่นๆ ได้
โครงการดูหนังด้วยกันที่ปิยะวัลย์ทำ จะมีจัดงานดูหนังเพื่อชวนคนตาบอดมาดูหนังโรง เพราะยังมีหลายคนที่ไม่กล้ามาต่อให้มีแอปก็ตาม เพราะการเดินทางยังเป็นเรื่องยากเสมอ โดยเฉพาะกับคนตาบอดที่จะเดินทางมาดูหนังในโรง
“การไปไหนมาไหนของคนตาบอดไม่ใช่เรื่องง่าย จากทางเชื่อมรถไฟฟ้า BTS มาเข้าห้าง จากห้างมาชั้นโรงหนัง ทุกอย่างไม่ง่ายเลย”
อมีนาจะไปดูโรงที่คุ้นชิน คือ ที่พารากอน และจากประสบการณ์พนักงานก็ช่วยเหลือดี ไม่ตั้งคำถามว่าเธอจะดูหนังได้ไหม ซึ่งเป็นสิ่งที่อมีนาเคยเจอที่อื่น และทำให้เธอไม่อยากดูหนัง สิ่งหนึ่งที่เธออยากเพิ่มคือ มีนวัตกรรมที่ทำให้คนตาบอดซื้อตั๋วหนังได้เอง จะได้ไม่ต้องรอพนักงานมาช่วย หรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถเดินไปที่โรงได้เอง
โรงที่ 3 ฉายเรื่อง ‘การดูหนังไม่มีข้อจำกัดทางร่างกาย และความพิการไม่มีอยู่จริง’
“พี่ต่อ (ฉัตรชัย อภิบาลพูนผล คนก่อตั้งมูลนิธิด้วยกัน เพื่อคนพิการและสังคม) พูดอยู่เสมอว่า มันไม่มีหรอกความพิการ ความพิการคือสภาพแวดล้อม หมายความว่าคนคนหนึ่งจะสามารถทำอะไรได้ – ไม่ได้ มันก็อยู่ที่สภาพแวดล้อมนั้นว่า เอื้อให้เขาสามารถที่จะทำสิ่งต่างๆ เหมือนคนอื่นได้ไหม เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรากำลังทำ คือ เราออกแบบมาเพื่อแก้ไข เช่น คนตาบอดดูหนังไม่ได้ เราก็ทำแอปเสียงบรรยายภาพขึ้นมา” ปิยะวัลย์ มองว่า สภาพแวดล้อมเป็นสิ่งที่ถูกออกแบบได้ และเมื่อไหร่ที่มันเหมาะสมกับวิถีชีวิตทุกๆ คน สิ่งที่เรียกว่าความพิการก็จะหายไป
ตรงกับที่อมีนารู้สึก สำหรับเธออยากให้สังคมและคนอื่นๆ รับรู้ว่าคนตาบอดเองก็อยากจะดูหนัง ดูอะไรที่คนอื่นๆ ดูเหมือนกัน การออกแบสภาพแวดล้อมเพื่อพวกเขาจึงเป็นเรื่องสำคัญ พร้อมๆ กับความเข้าใจที่สังคมต้องมี
“คำถามว่า ‘คนตาบอดดูหนังได้เหรอ ดูทำไม’ สำหรับเรารู้สึกว่า ถ้าจะให้อธิบายก็คงจะยากที่จะทำให้บางคนเข้าใจ การไม่มาเป็นเราจะไม่รู้อย่างนี้ก็เป็นปรัชญาที่เราคิดว่ามันใช้ได้ตลอด ทำไมเราต้องตั้งคำถามว่า คนจะทำอะไรได้-ไม่ได้ ต่อให้มี-ไม่มีอวัยวะ มันก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ ถ้าเขาทำไม่ได้เขาก็เลิกทำเอง เป็นเรื่องง่ายๆ ที่คนมองข้าม เราชอบไปจัดการชีวิตคนอื่นเขา คนประเภทนี้ควรอยู่ตรงนั้น โดยเฉพาะคนพิการ แค่เราเดินตามท้องถนน เขาก็ตั้งคำถามแล้วว่าทำไมออกมา ทำไม่มีคนออกมา ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ตั้งคำถาม ทุกคนก็มีชีวิตที่ต้องใช้ ไม่มีใครมานั่งแบกได้ตลอดเวลา
“การได้ดูหนังในโรง เป็นการเปิดพื้นที่ให้เราได้เข้าไปอยู่ในสังคม มีพื้นที่ในการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นๆ มากขึ้นด้วย ทำให้คนอื่นๆ ได้รู้ด้วยว่าคนตาบอดก็ดูหนังเหมือนกัน” อมีนาทิ้งท้าย
หากใครสนใจอยากลองใช้แอปพลิเคชันพรรณนา สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งในระบบ iOS และ Android และติดตามงานกิจกรรมอื่นๆ ได้ที่เพจ Pannana พรรณนา แอพเสียงบรรยายภาพสำหรับคนตาบอด