รางวัลบุคคลขวัญใจของประชากรกลุ่มเฉพาะ
Voice of The Voiceless Award 2025
ประเภทรางวัล
ประเภทรางวัลบุคคลขวัญใจ
ของประชากรกลุ่มเฉพาะ
(ภาครัฐและภาคประชาสังคม)
รวม 10 รางวัล
การคัดเลือกรางวัลบุคคลขวัญใจของประชากรกลุ่มเฉพาะ (บุคลากรภาครัฐ)
จำนวน 5 รางวัล
1. เป็นบุคคลที่ทำงานเพื่อลดความเหลื่อมล้ำหรือส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ
2. เป็นบุคคลที่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี (ด้านสังคมและสุขภาพ) มีจิตสาธารณะ รวมทั้งมีผลงานโดดเด่นเป็นรูปธรรมชัดเจนในงานที่รับผิดชอบกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ
3. มีความมุ่งมั่นหรือความทุ่มเทในการทำงาน ถึงแม้ว่าต้องเผชิญกับความเสี่ยง และความยากลำบาก และมีแผนการพัฒนางานให้เกิดความยั่งยืนกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ
4. มีความคิดสร้างสรรค์หรือพัฒนานวัตกรรม มีกระบวนการทำงานที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการทำงานลดความเหลื่อมล้ำหรือส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ ที่นอกเหนือภาระงานปกติ
5. มีระยะเวลาทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน สถาบันการศึกษา องค์กรอิสระ ประชาสังคม เอกชน หรือชุมชน มากกว่า 2 ปีขึ้นไป (นับย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568)
1. มีผลงานที่เกิดจากการทำงานร่วมกับเครือข่าย ได้แก่ ภาคราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคประชาสังคม เอกชน สถาบันการศึกษา หรือชุมชน ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ
2. มีผลงานดีเด่นเป็นรูปธรรม ที่เกี่ยวข้องกับการลดความเหลื่อมล้ำหรือส่งเสริมคุณภาพชีวิต ของประชากรกลุ่มเฉพาะ
3. สามารถนำผลงาน ความคิดสร้างสรรค์หรือนวัตกรรม มาขยายผลการดำเนินงาน ในระดับปฏิบัติการหรือระดับนโยบายและกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะได้
1. ข้อมูลทั่วไป
2. ประวัติการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการลดความเหลื่อมล้ำหรือส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ
3. ผลงานที่เกี่ยวข้องตามหัวข้อ “ขอบเขตของผลงาน” เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความ
เป็นธรรม หรือส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ จำนวน 2 ผลงาน ระหว่างช่วง ปี 2566 – 2567
4. ผู้เสนอชื่อ (บุคคลในองค์กร หรือบุคคลในเครือข่าย ที่ไม่ใช่บุคลากรที่อยู่ในหน่วยงานภาครัฐ)
5. ผู้รับรอง (ประธาน /ผู้แทนองค์กร /ผู้แทนเครือข่าย ที่ไม่ใช่หน่วยงานภาครัฐ)
โล่ประกาศเกียรติคุณ จำนวน 5 รางวัล ซึ่งจะได้รับในงานประชุมวิชาการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน : ประชากรกลุ่มเฉพาะ “Voice of the voiceless: the vulnerable populations” ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 18-19 มิถุนายน 2568 ณ อิมแพค ฟอรั่ม เมืองทองธานี
1. บุคลากรภาครัฐ หมายถึง บุคลากรทุกประเภทที่สังกัดหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน สถาบันการศึกษาของหรือในกำกับของรัฐ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ หรือหน่วยงานรัฐอื่น ๆ
2. ประชากรกลุ่มเฉพาะ หมายถึง ประชากรบางกลุ่มที่มีความเปราะบาง(Vulnerability)
มีความเสี่ยง(Risk) หรือต้องการกระบวนการพิเศษในการเข้าถึงการสร้างเสริมสุขภาพ
เพื่อการมีสุขภาวะ อันถือเป็นปัจจัยส่งผ่านสังคมกำหนดสุขภาพ(Intermediary Determinants) ที่ทำให้เกิดการสูญเสียสุขภาวะ เข้าไม่ถึงบริการหรือประโยชน์ในด้านต่างๆ ตามนโยบายของรัฐในภาพรวม แบ่งเป็น 9 กลุ่มประชากร ดังนี้
1) ผู้สูงอายุ
2) คนพิการ
3) คนไร้บ้าน
4) แรงงานนอกระบบ
5) ประชากรข้ามชาติ
6) กลุ่มชาติพันธุ์ (ผู้มีปัญหาสถานะบุคคล คนไทยพลัดถิ่น คนไร้รัฐไร้สัญชาติ)
7) ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ
8) ผู้ต้องขัง
9) มุสลิม
ขอบเขตของผลงาน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม หรือส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ ควรมีความสอดคล้องกับประเด็นต่อไปนี้
1. ความเป็นธรรมทางสุขภาพ หมายถึง ความเสมอภาค เท่าเทียมด้านสิทธิและโอกาส ที่จะเข้าถึงการมีสุขภาพที่ดีตามความจำเป็นทางสุขภาพ โดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติจากความแตกต่างของลักษณะประชากร อาทิ เพศ สัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา ชนชั้น สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการจัดระบบสุขภาพและบูรณาการแก้ไขปัญหาสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนที่ยอมรับในระดับสากล
2. ความเป็นธรรมทางสังคม หมายถึง ความเป็นธรรมในทุกมิติของสังคมที่มนุษย์พึงได้รับตามมาตรฐานสากล และหลักมนุษยธรรม โดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ มีความเสมอภาค เท่าเทียมในการเข้าถึงสิทธิ โอกาส และทรัพยากรต่าง ๆ ที่พึงได้รับการปฏิบัติจากรัฐ และได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมเพื่อสร้างโอกาสในการมีสุขภาวะที่ดี
3. ความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ หมายถึง ความแตกต่างด้านสถานะสุขภาพของคนกลุ่มต่างๆ เช่น อายุคาดเฉลี่ย อัตราการเจ็บป่วย ภาระโรค หรือปัจจัยอื่น ๆ เกี่ยวข้อง เช่น เพศ อายุ พันธุกรรม ซึ่งมีผลให้คนกลุ่มต่าง ๆ มีสถานะสุขภาพแตกต่างกัน มีความไม่เป็นธรรมทางสังคม อันเป็นสาเหตุหลักของความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ
4. นวัตกรรมสำหรับประชากรกลุ่มเฉพาะ หมายถึง รูปแบบ วิธีการทำงานใหม่ การสร้างสิ่งแวดล้อมหรือเงื่อนไขใหม่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าทางสังคม เศรษฐกิจ หรือสิ่งแวดล้อม ที่เกิดจากวิธีคิดใหม่ หรืออาจใหม่จากการเปรียบเทียบกับสิ่งที่เคยมี โดยที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงสถานะของความไม่เป็นธรรมทางสุขภาพในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสามารถนำไปใช้ขยายผลได้กว้างขวาง
5. ความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) หมายถึง การที่บุคคลมีความสามารถในการเข้าถึงข่าวสารความรู้ด้านสุขภาพจากแหล่งความรู้ที่หลากหลาย มีความเข้าใจในเนื้อหาต่าง ๆ สามารถประเมินความน่าเชื่อถือและความเหมาะสมของเนื้อหากับตนเอง ใช้ความคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลในการให้ความสำคัญกับข่าวสารความรู้นั้น ๆ ตลอดจนนำไปสู่การตัดสินใจนำมาลองปฏิบัติและประเมินผลการทดลองจนสามารถเกิดการใช้ในชีวิตประจำวันได้
6. บริการสุขภาพที่เป็นธรรม หมายถึง การจัดบริการด้านสุขภาพโดยคำนึงถึงความเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติจากความแตกต่างของเพศ เพศภาวะ สถานะทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา วัฒนธรรม เชื้อชาติ สัญชาติ เป็นการให้บริการที่เอื้อต่อการเข้าถึง และตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
7. ผู้นำการเปลี่ยนแปลงในประชากรกลุ่มเฉพาะ หรือคนทำงานเพื่อความเป็นธรรมทางสังคมและสุขภาพของประชากรกลุ่มเฉพาะ ที่สร้าง ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน 3 ระดับ ประกอบด้วย การเปลี่ยนแปลงในตนเอง (Self-transformation) การเปลี่ยนแปลงองค์กรและชุมชน (Organization and Community Transformation) และการเปลี่ยนแปลงสังคม (Social Change) โดยผู้นำการเปลี่ยนแปลงจะมีคุณลักษณะสำคัญ ได้แก่ มีความสามารถสร้างความสมดุลในชีวิตและการทำงาน มีความเข้าใจเรื่องความเป็นธรรมทางสังคมและสุขภาพ เข้าใจภาวะการนำร่วม และสามารถทำงานแบบใช้อำนาจร่วม ให้ความสำคัญในการทำงานเป็นเครือข่ายและการทำงานขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม
การคัดเลือกรางวัลบุคคลขวัญใจของประชากรกลุ่มเฉพาะ (บุคลากรภาคประชาสังคม)
จำนวน 5 รางวัล
1. เป็นบุคคลที่ทำงานเพื่อลดความเหลื่อมล้ำหรือส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ
2. เป็นบุคคลที่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี (ด้านสังคมและสุขภาพ) มีจิตสาธารณะ รวมทั้งมีผลงานโดดเด่นเป็นรูปธรรมชัดเจนในงานที่รับผิดชอบกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ
3. มีความมุ่งมั่นหรือความทุ่มเทในการทำงาน ถึงแม้ว่าต้องเผชิญกับความเสี่ยง และความยากลำบาก และมีแผนการพัฒนางานให้เกิดความยั่งยืนกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ
4. มีความคิดสร้างสรรค์หรือพัฒนานวัตกรรม มีกระบวนการทำงานที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการทำงานลดความเหลื่อมล้ำหรือส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ ที่นอกเหนือภาระงานปกติ
5. มีระยะเวลาทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน สถาบันการศึกษา องค์กรอิสระ ประชาสังคม เอกชน หรือชุมชน มากกว่า 2 ปีขึ้นไป (นับย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568)
1. มีผลงานที่เกิดจากการทำงานร่วมกับเครือข่าย ได้แก่ ภาคราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคประชาสังคม เอกชน สถาบันการศึกษา หรือชุมชน ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ
2. มีผลงานดีเด่นเป็นรูปธรรม ที่เกี่ยวข้องกับการลดความเหลื่อมล้ำหรือส่งเสริมคุณภาพชีวิต ของประชากรกลุ่มเฉพาะ
3. สามารถนำผลงาน ความคิดสร้างสรรค์หรือนวัตกรรม มาขยายผลการดำเนินงาน ในระดับปฏิบัติการหรือระดับนโยบายและกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะได้
1. ข้อมูลทั่วไป
2. ประวัติการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการลดความเหลื่อมล้ำหรือส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ
3. ผลงานที่เกี่ยวข้องตามหัวข้อ “ขอบเขตของผลงาน” เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม หรือส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ จำนวน 2 ผลงาน ระหว่างช่วง ปี 2566 – 2567
4. ผู้เสนอชื่อ (บุคคลในองค์กร/บุคคลในเครือข่าย ที่เป็นบุคลากรที่อยู่ในหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ได้รับการเสนอชื่อ) หรือภาคเอกชน)
5. ผู้รับรอง (ประธาน /ผู้แทนองค์กร /ผู้แทนเครือข่าย ที่เป็นบุคลากรที่อยู่ในหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ได้รับการเสนอชื่อ) หรือภาคเอกชน)
โล่ประกาศเกียรติคุณ จำนวน 5 รางวัล ซึ่งจะได้รับในงานประชุมวิชาการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน : ประชากรกลุ่มเฉพาะ “Voice of the voiceless: the vulnerable populations” ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 18-19 มิถุนายน 2568 ณ อิมแพค ฟอรั่ม เมืองทองธานี
1. บุคลากรภาคประชาสังคม หมายถึง บุคลากรทุกประเภทที่สังกัดหน่วยงานภาคประชาสังคม มูลนิธิ สมาคม ชุมชน หรือชมรม (จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหรือไม่จดทะเบียนก็ได้) ที่มีผลงานและประวัติการทำงานชัดเจน
2. ประชากรกลุ่มเฉพาะ หมายถึง ประชากรบางกลุ่มที่มีความเปราะบาง(Vulnerability)
มีความเสี่ยง(Risk) หรือต้องการกระบวนการพิเศษในการเข้าถึงการสร้างเสริมสุขภาพ
เพื่อการมีสุขภาวะ อันถือเป็นปัจจัยส่งผ่านสังคมกำหนดสุขภาพ(Intermediary Determinants) ที่ทำให้เกิดการสูญเสียสุขภาวะ เข้าไม่ถึงบริการหรือประโยชน์ในด้านต่างๆ ตามนโยบายของรัฐในภาพรวม แบ่งเป็น 9 กลุ่มประชากร ดังนี้
1) ผู้สูงอายุ
2) คนพิการ
3) คนไร้บ้าน
4) แรงงานนอกระบบ
5) ประชากรข้ามชาติ
6) กลุ่มชาติพันธุ์ (ผู้มีปัญหาสถานะบุคคล คนไทยพลัดถิ่น คนไร้รัฐไร้สัญชาติ)
7) ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ
8) ผู้ต้องขัง
9) มุสลิม
ขอบเขตของผลงาน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม หรือส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเฉพาะ ควรมีความสอดคล้องกับประเด็นต่อไปนี้
1. ความเป็นธรรมทางสุขภาพ หมายถึง ความเสมอภาค เท่าเทียมด้านสิทธิและโอกาส ที่จะเข้าถึงการมีสุขภาพที่ดีตามความจำเป็นทางสุขภาพ โดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติจากความแตกต่างของลักษณะประชากร อาทิ เพศ สัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา ชนชั้น สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการจัดระบบสุขภาพและบูรณาการแก้ไขปัญหาสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนที่ยอมรับในระดับสากล
2. ความเป็นธรรมทางสังคม หมายถึง ความเป็นธรรมในทุกมิติของสังคมที่มนุษย์พึงได้รับตามมาตรฐานสากล และหลักมนุษยธรรม โดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ มีความเสมอภาค เท่าเทียมในการเข้าถึงสิทธิ โอกาส และทรัพยากรต่าง ๆ ที่พึงได้รับการปฏิบัติจากรัฐ และได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมเพื่อสร้างโอกาสในการมีสุขภาวะที่ดี
3. ความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ หมายถึง ความแตกต่างด้านสถานะสุขภาพของคนกลุ่มต่างๆ เช่น อายุคาดเฉลี่ย อัตราการเจ็บป่วย ภาระโรค หรือปัจจัยอื่น ๆ เกี่ยวข้อง เช่น เพศ อายุ พันธุกรรม ซึ่งมีผลให้คนกลุ่มต่าง ๆ มีสถานะสุขภาพแตกต่างกัน มีความไม่เป็นธรรมทางสังคม อันเป็นสาเหตุหลักของความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ
4. นวัตกรรมสำหรับประชากรกลุ่มเฉพาะ หมายถึง รูปแบบ วิธีการทำงานใหม่ การสร้างสิ่งแวดล้อมหรือเงื่อนไขใหม่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าทางสังคม เศรษฐกิจ หรือสิ่งแวดล้อม ที่เกิดจากวิธีคิดใหม่ หรืออาจใหม่จากการเปรียบเทียบกับสิ่งที่เคยมี โดยที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงสถานะของความไม่เป็นธรรมทางสุขภาพในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสามารถนำไปใช้ขยายผลได้กว้างขวาง
5. ความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) หมายถึง การที่บุคคลมีความสามารถในการเข้าถึงข่าวสารความรู้ด้านสุขภาพจากแหล่งความรู้ที่หลากหลาย มีความเข้าใจในเนื้อหาต่าง ๆ สามารถประเมินความน่าเชื่อถือและความเหมาะสมของเนื้อหากับตนเอง ใช้ความคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลในการให้ความสำคัญกับข่าวสารความรู้นั้น ๆ ตลอดจนนำไปสู่การตัดสินใจนำมาลองปฏิบัติและประเมินผลการทดลองจนสามารถเกิดการใช้ในชีวิตประจำวันได้
6. บริการสุขภาพที่เป็นธรรม หมายถึง การจัดบริการด้านสุขภาพโดยคำนึงถึงความเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติจากความแตกต่างของเพศ เพศภาวะ สถานะทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา วัฒนธรรม เชื้อชาติ สัญชาติ เป็นการให้บริการที่เอื้อต่อการเข้าถึง และตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
7. ผู้นำการเปลี่ยนแปลงในประชากรกลุ่มเฉพาะ หรือคนทำงานเพื่อความเป็นธรรมทางสังคมและสุขภาพของประชากรกลุ่มเฉพาะ ที่สร้าง ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน 3 ระดับ ประกอบด้วย การเปลี่ยนแปลงในตนเอง (Self-transformation) การเปลี่ยนแปลงองค์กรและชุมชน (Organization and Community Transformation) และการเปลี่ยนแปลงสังคม (Social Change) โดยผู้นำการเปลี่ยนแปลงจะมีคุณลักษณะสำคัญ ได้แก่ มีความสามารถสร้างความสมดุลในชีวิตและการทำงาน มีความเข้าใจเรื่องความเป็นธรรมทางสังคมและสุขภาพ เข้าใจภาวะการนำร่วม และสามารถทำงานแบบใช้อำนาจร่วม ให้ความสำคัญในการทำงานเป็นเครือข่ายและการทำงานขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม
กำหนดการคัดเลือก
ประกาศรับสมัคร
1 กุมภาพันธ์
ถึง 28 เมษายน 2568
พิจารณาตัดสินรางวัล
2 พฤษภาคม 2568
ประกาศผล
ผู้ได้รับการคัดเลือก
9 พฤษภาคม 2568
มอบรางวัล
ผู้ได้รับการคัดเลือก
19 มิถุนายน 2568
จัดโดย สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9)
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ติดต่อสอบถามและส่งใบสมัคร
นางสาวปิยะนาถ สิริรัตนาวงศ์ (น้ำทิพย์)
นักวิเคราะห์และบริหารโครงการอาวุโส
สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9)
มือถือโทร 094-649-3264 Line: namthip-kmutt
Email: piyanat.s@thaihealth.or.th
นางสาวปรารถนา พรหมสาขา ณ สกลนคร (อ้อย)
เจ้าหน้าที่สนับสนุนวิชาการ
สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9)
มือถือโทร 064-970-4449
Email: prattana@thaihealth.or.th