“แร้นแค้นแค่ไหน เราจะไม่ตาย” 5 เมนูจาก ‘ไร่หมุนเวียน’ ของชาวปกาเกอะญอ ที่เชื่อว่าอาหารทำได้โดยไม่ต้องฝืนธรรมชาติ

“ผู้เฒ่า ผู้แก่สอนไว้ว่า ให้รักษาพันธุ์เผือกพันธุ์มันเอาไว้
หากรักษาไว้ได้ครบสามสิบชนิด แร้นแค้นแค่ไหนเราจะไม่ตาย”

ข้อความในหนังสือ ‘ต่า เอาะ เลอะ คึ อาหารในไร่หมุนเวียน’ โดย สมาคมปกาเกอะญอเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน หนังสือเล่มนี้นอกจากจะเป็นตำราอาหารให้คนทั่วไปได้รู้จักอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์มากขึ้นแล้ว ยังเป็นหนังสือที่พาเข้าไปเข้าใจคำว่า ‘ไร่หมุนเวียน’ อย่างลึกซึ้ง

เมื่อได้ยินคำว่าไร่หมุนเวียน หลายคนมักนึกถึง ‘การเผาป่า’ ซึ่งในความจริงก็มีการเผา แต่ไม่ใช่การเผาป่า แต่เป็นเพียงการเผาไร่ที่ชาวบ้านจัดไว้ในพื้นที่ทำกินของตัวเองเท่านั้น

ไร่หมุนเวียนเป็นการเกษตรรูปแบบหนึ่งที่ผสมผสานการอยู่ร่วมกันของคน สัตว์ และป่า มีการพักดินเพื่อรักษาสมดุลของดิน น้ำ ป่า ชาวปกาเกอะญอทำไร่หมุนเวียนด้วยรูปแบบทำสั้นและทิ้งยาวซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างดิน

ชาวปกาเกอะญอมีปฏิทินของตัวเองที่คอยบอกฤดูกาลตามวิถีวัฒนธรรม ฤดูกาลผลิตไร่หมุนเวียนจะเริ่มต้นในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ เดือนถางไร่จะเริ่มกุมภาพันธ์เพราะถ้าหากเลยไปเดือนอื่น พืชที่ถูกถางจะไม่งอกเงยขึ้นใหม่ ในขั้นตอนการถางก็มีทั้งตัด ฟัน และเผา ซึ่งส่วนที่ซับซ้อนและยากที่สุดก็คือขั้นตอนการเผา

การเผาไร่ของปกาเกอะญอทำอย่างระมัดระวังและมีการพัฒนาเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย นอกจากจะทำให้เป็นพื้นที่โล่งแล้ว ยังช่วยสร้างธาตุอาหารในดิน ไร่ที่ถูกเผาและพักทิ้งไว้ให้ฟื้นฟูจะเรียกว่า ‘ไร่พักฟื้น’ หรือ ‘ไร่เหล่า’ ธาตุอาหารที่สะสมมาเรื่อยๆ จากการฟื้นฟูดินทำให้เมื่อถึงเวลาเพาะปลูกก็ไม่ต้องใช้สารเคมีทั้งยาฆ่าหญ้าและยาฆ่าแมลง

ด้วยความเป็นมิตรกับระบบนิเวศ ไร่เหล่าจึงเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นแหล่งอาหารของสัตว์น้อยใหญ่นานาชนิด

บทความชิ้นนี้จะพาไปดูเมนูที่ได้มาจากไร่หมุนเวียน เพื่อเรียนรู้การทำกินตามวิถีวัฒนธรรม และไม่ฝืนธรรมชาติโดยใช้นวัตกรรมทางเกษตรของชาวปกาเกอะญอจาก 3 ชุมชน ได้แก่ หมู่บ้านห้วยหินลาดใน อ.เวียงป่าเป้า จ. เชียงราย หมู่บ้านแดลอเขล่อคี (แม่ลายเหนือ) อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และบ้านแม่เหยาะคี อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ผ่านหนังสือ ‘ต่า เอาะ เลอะ คึ อาหารในไร่หมุนเวียน’ จัดทำโดย สมาคมปกาเกอะญอเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)

อ่านหนังสือแบบเต็มได้ที่นี่ https://shop.sac.or.th/th/product/96/

หากยังเชื่อที่ว่าไร่หมุนเวียนทำลายป่า หรือยังมีอีกหลายเรื่องที่เราเข้าใจผิดเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ อยากชวนทุกคนมาทำความรู้จัก แบะสร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์มากขึ้น ภายในงานประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน : ประชากรกลุ่มเฉพาะ ครั้งที่ 3 ในห้องย่อย ‘ชาติพันธุ์คือพลัง: ฝ่าอคติสู่สุขภาวะและสิทธิที่เสมอภาค’ วันที่ 19 มิ.ย. 2568 นี้ ตั้งแต่เวลา 9.00 น. -12.00 น. ที่ อิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี จัดขึ้นโดย สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9)

น้ำพริกผักกาดแห้ง

วัตถุดิบหรืออาหารที่มีติดบ้านของทุกคนคืออะไร? บางคนอาจจะตอบมาม่า บางคนตอบนม หรือบางคนเลือกไข่ไก่ไว้ติดบ้าน

ของติดบ้านสำหรับชาวปกาเกอะญอ คือ ผักกาด เพราะว่าผักกาดเป็นพืชในไร่ที่ปลูกแล้วได้ผลผลิตเร็ว หากินได้ง่ายกว่าผักอื่นๆ ทุกบ้านจะมีผักกาดสดไว้ประกอบอาหารซึ่งสามารถเอาไปทำได้หลายเมนู แต่ผักกาดก็ไม่ได้มีทุกฤดู เพราะฉะนั้นในช่วงที่ปลูกผักกาดไม่ได้ ชาวปกาเกอะญอจะนำผักกาดที่ได้จากการเก็บเกี่ยว ไปหมักและตากแห้งเก็บไว้ทำเมนูอื่นๆ

เมนูที่มีติดบ้านคือน้ำพริกผักกาดแห้ง หรือ มึ ส่า โต่ บะเกอเออ ทำมาจากผักกาดแห้ง ปลาแห้ง พริก กระเทียม ตำรวมกัน เสร็จแล้วปรุงรสด้วยผักชีและห่อว่อ นิยมกินกับผักสดต่างๆ ความเผ็ดร้อนของพริกและสมุนไพรในน้ำพริกผักกาดแห้งช่วยเพิ่มรสชาติในอาหารมื้อหลักให้อร่อยมากขึ้น

เป็นเมนูพื้นบ้านที่ใครๆ ก็ทำได้ ยังมีอีกหลายเมนูที่ใช้ผักกาดแห้งเป็นส่วนประกอบทำให้ทุกบ้านมีผักกาดแห้งไว้ติดบ้าน

แกงเย็นผักกาดแห้งปลาย่าง

แกงเย็นผักกาดแห้งปลาย่าง หรือ ต่าจึที บะเกอะเออ หย่าโพ ในภาษาของชาวปกาเกอะญอ เป็นเมนูที่คุ้นเคยกันดีของชาวปกาเกอะญอที่หมู่บ้านห้วยหินลาดใน อ.เวียงป่าเป้า จ. เชียงราย เพราะเป็นเมนูที่ทำได้ง่าย

เมนูแกงเย็นเหมาะสำหรับทำกินในช่วงที่ต้องทำงานในไร่หรือเข้าไปหาของในป่า เนื่องจากชาวบ้านไม่ได้มีเวลามากนัก แถมบางครั้งก็ไม่มีอุปกรณ์เพียงพอที่จะทำอาหารได้หลายเมนู ถ้าจะก่อไฟก็อาจจะมีกลิ่นควันรบกวนสัตว์ที่กำลังไปล่า ด้วยข้อจำกัดเหล่านี้ชาวปกาเกอะญอเลยเลือกทำอาหารแบบเย็น โดยจะใช้พืชผักที่สามารถหาได้ทั่วไปจากในไร่ ปรุงเป็นแกงโดยใช้เวลาไม่นาน

ส่วนประกอบของแกงเย็นผักกาดแห้งปลาย่าง ได้แก่ ผักกาดแห้ง (หรือที่เรียกว่า บะเก่อเออ) ปลาแห้ง ห่อวอ (หรือที่เรียกว่าผักอีหลืน ผักที่หาได้ง่ายในที่สูง) ตะไคร้ พริก กระเทียม หอมแดง ข่า และเกลือ

เริ่มจากการนำเนื้อสัตว์มาย่าง ซึ่งชาวปกาเกอะญอมักจะใช้ปลาก้านกล้วย ปลาดุก หรือไม่ก็ปู ส่วนใหญ่เป็นเนื้อสัตว์ที่หามาได้จากลำห้วยในหมู่บ้าน ตามด้วยตำพริกกระเทียมที่ย่างแล้ว เพิ่มบะเก่อเออลงไปคั่ว จากนั้นใส่วัตถุดิบอื่นๆ เช่น พริก กระเทียม หอมแดง ข่า ตะไคร้ เกลือ และห่อวอ เมื่อใส่ส่วนผสมทุกอย่างครบแล้วก็เทน้ำเปล่าและคลุกส่วนผสมเข้าด้วยกันเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย

ข้าวปุ๊งา

ข้าวปุ๊งา หรือ เมโต่พิ เป็นอาหารพื้นบ้านดั้งเดิมของชาวปกาเกอะญอ เมนูนี้นำเสนอโดยบ้านแม่เหยาะคี อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ตั้งอยู่เป็นภูเขา ไม่มีที่ราบลุ่มน้ำ จึงเอื้อต่อการทำไร่หมุนเวียนเท่านั้น

เมื่อพูดถึงข้าว คนปกาเกอะญอมีความเชื่อว่าถ้ามีข้าวพอกินแล้ว อาหารอย่างอื่นถือเป็นเรื่องรอง เพราะฉะนั้นไร่ของชาวปกาเกอะญอจึงเน้นการปลูกข้าวเป็นหลัก ส่วนอาหารอื่นๆ ก็เก็บเกี่ยวมากินตามฤดูกาล หรือบางชนิดก็สามารถเก็บกินได้ตลอดทั้งปี

ข้าวปุ๊งาเป็นอีกเมนูหนึ่งที่ดัดแปลงมาจากข้าวเหนียว เป็นอาหารที่ใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พิธีกรรมมัดมือ พิธีขึ้นบ้านใหม่ นอกจากนี้ยังเอาไว้ทานในโอกาสสำคัญๆ เช่น ต้อนรับแขกผู้มาเยือนจากที่อื่น

ส่วนผสมของเมนูนี้มีแค่ 3 อย่างนั้นคือ ข้าวเหนียว งา และเกลือ โดยเอาข้าวเหนียวไปแช่น้ำไว้ 1 คืน จากนั้นก่อไฟและนึ่งข้าว แล้วนำข้าวเหนียวที่นึ่งแล้วไปตำจนกว่าจะละเอียดและเหนียว พอได้รสชาติก็นำมาใส่จานและรับประทานได้

ต้มฟักใส่ไก่

ต้มฟักใส่ไก่ หรือ พอดีเดอชอ เมนูจากหมู่บ้านแดลอเขล่อคี (แม่ลายเหนือ) อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ที่คนในชุมชนยังทำไร่หมุนเวียน ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์กันอยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำเกษตรเชิงพาณิชย์อย่างกะหล่ำปลี ถั่วแดง ร่วมด้วย

พอดีเดอชอเป็นเมนูที่มาจากการหาวัตถุดิบและส่วนประกอบจากรอบตัวได้อย่างลงตัว ชาวบ้านมักจะใช้ไก่ที่เลี้ยงเองในบ้านและใช้ฟักที่ได้มาจากไร่หมุนเวียน ต้มรวมกับผักอีกหลากหลายชนิดที่หาได้ในไร่ ปรุงรสด้วยสมุนไพร พริก และเกลือ

วัตถุดิบต่างๆ สามารถหาได้รอบตัว ไม่ว่าจะเป็น ฟัก ไก่ แตงกวา เผือก พริก เกลือ ถั่วฝักยาว ขมิ้น ห่อวอ ตะไคร้ และผักเผ็ด

ขั้นตอนเริ่มจากการนำเนื้อไก่ที่สับแล้วคั่วกับพริก เกลือ ขมิ้น และตะไคร้ที่ตำละเอียดแล้ว เมื่อคั่วจนหอมก็เติมน้ำลงหม้อ รอจนน้ำเดือดแล้วต่อยใส่แตง ผัก และห่อวอ จากนั้นปรุงรสตามใจชอบ

พอดีเดอชอมักเป็นอาหารที่ปรุงเพื่อประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น พิธีกรรมเลี้ยงเทพแห่งไร่ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเมนูง่ายๆ ที่มักกินในครัวเรือนด้วยเช่นกัน ซึ่งเมนูนี้มักจะเป็นเมนูที่พ่อแม่เอาไว้สอนลูกหลานให้หัดทำกินเอง

พะโล้น้ำผึ้งป่าและไข่พะโล้ยางมะตูม

พะโล้น้ำผึ้งป่าและไข่พะโล้ยางมะตูม เมนูที่ในภาษาปกาเกอะญอจะมีชื่อว่า คลอ ชอดิ แกว๊ะเข๊าะ คะ มะปิส่า

‘เชฟปาร์ค’ ภัทรวิทย์ จันทร์ไทย หนึ่งในเชฟที่ลงพื้นที่ไปคลุกคลีกับป่า บอกว่าเมนูไข่พะโล้เป็นเมนูที่ยิ่งเคี่ยวข้ามวันก็ยิ่งอร่อย ความพิเศษของไข่พะโล้ถ้วยนี้คือการใส่น้ำผึ้งป่า ที่หาทานในเมืองได้ยาก

ใครอาจคุ้นเคยรสชาติของน้ำผึ้งว่ามีแค่รสชาติเดียว แต่ชุมชนห้วยหินลาดใน อ.เวียงป่าเป้า จ. เชียงราย มีน้ำผึ้งหลากหลายรสสัมผัส มีทั้งหวานและเปรี้ยว ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้งหลวง น้ำผึ้งโพรง และน้ำผึ้งชาญณรงค์ ซึ่งในเมนูไข่พะโล้นี้เชฟปาร์คเลือกน้ำผึ้งโพรงมาประกอบอาหาร

วิธีทำก็คล้ายกับพะโล้ที่เรากินกันเป็นประจำ เริ่มจากตั้งกระทะไฟกลางและนำน้ำผึ้งโพรงลงไปเคี่ยวจนมีสีน้ำตาลเข้ม ใส่อ้อย รากผักชี เปลือกอบเชย เม็ดผักชีในหม้อพะโล้ จากนั้นต้มไข่ไก่ในน้ำเดือดประมาณ 6 นาทีแล้วค่อยปอกเปลือก เติมน้ำลงในหม้อและใส่ทุกอย่างลงไป เมื่อเคี่ยวจนได้ที่ก็แบ่งน้ำพะโล้เพื่อแช่กับไข่ไก่ สุดท้ายจึงเอาส่วนผสมทั้งสองอย่างรวมเข้าด้วยกัน

พะโล้ที่ดูจะเป็นเมนูทั่วไปก็พิเศษขึ้นได้เพราะมีส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ

Shares:
QR Code :
QR Code