เมืองเศรษฐกิจดี ก็มีคนไร้บ้านได้ : รายงานสถานการณ์จากบ้านทอฝัน ระยอง ที่ผู้คนหลากหลาย กลายมาเป็นคนไร้บ้าน
เรามักรู้จักจังหวัดระยองว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว และที่สำคัญยังเป็นเมืองเศรษฐกิจเพราะมีโรงงานอุตสาหกรรมมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากชลบุรี
แต่จังหวัดเศรษฐกิจก็มีคนไร้บ้าน และพวกเขาคือกลุ่มคนไร้บ้านที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ผู้สูงอายุ ประชากรจากจังหวัดอื่น ไปจนถึงประชากรข้ามชาติ
มานพ สนิท ผู้ประสานงานศูนย์ประสานงานคนไร้ที่พึ่งไร้บ้าน บ้านทอฝันจังหวัดระยอง มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย (มพศ.) เล่าว่า ที่ระยอง เราสามารถพบเจอคนไร้บ้านที่มีความหลายหลายมาก ด้วยความที่ที่นี่มีงานให้ทำเยอะ คนจากจังหวัดอื่นหรือแม้กระทั่งคนจากประเทศอื่นเองก็หวังที่จะเข้ามาหางานทำที่นี่ มีหลายคนได้ทำตามความฝันสำเร็จโดยได้งานดีๆ ไป แต่ก็มีไม่น้อยที่ไม่ได้อะไรกลับไปเลย นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ใครหลายคนยังอยู่ที่ระยองและอยู่ในฐานะ ‘คนไร้บ้าน’
พีรติ ทัศนมณเฑียร คณะทำงานศูนย์ประสานงานคนไร้ที่พึ่งไร้บ้าน บ้านทอฝันจังหวัดระยอง เสริมว่า จากการลงพื้นที่สำรวจแค่เฉพาะในอำเภอเมืองก็เจอคนไร้บ้านประมาณ 40-50 คน คิดเป็นคนไร้บ้านหน้าเก่า 60% และคนไร้บ้านหน้าใหม่ 40% โดยคนไร้บ้านหน้าเก่าที่พีรติเจอ คือ คนที่ได้รับผลกระทบจากช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พวกเขาตกงานตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงทุกวันนี้ ส่วนคนไร้บ้านหน้าใหม่ก็มักจะเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน
พีรติเริ่มสังเกตได้ว่าพักหลังมานี้ คนไร้บ้านที่เพิ่มขึ้นมักจะเป็นคนที่มาจากต่างถิ่นไม่ว่าจะเป็นต่างจังหวัดหรือต่างชาติ
“อย่างคนไร้บ้านที่มาจากที่อื่น เราเห็นว่าพวกเขาในอดีตก็คือลูกจ้างที่ทำงานมาเกือบ 10 ปี 20 ปี แต่พอวันหนึ่งก็ถูกไล่ออก บางคนไม่มีเงินเก็บเพราะค่าแรงที่นี่ไม่ได้มากมาย พวกเขาเลยกลับบ้านไม่ได้ และมาใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่สาธารณะแทน”
อคติซ้อนอคติ สิ่งที่คนไร้บ้านที่เป็นประชากรข้ามชาติพบเจอ
ไม่ว่าจะเป็นคนไร้บ้านในกรุงเทพฯ หรือคนไร้บ้านในระยอง ก็เผชิญกับอคติจากสังคมภายนอกไม่ต่างกัน ความเข้าใจที่ว่าคนไร้บ้านคือคนขี้เกียจ คนขี้เหล้า หรือคนขี้ยา เป็นชุดความคิดที่ทำร้ายและกีดกันคนไร้บ้านไม่ให้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่างๆ
มานพและพีรติรับทำหน้าที่ช่วยเหลือคนไร้บ้านอยู่ที่ศูนย์ประสานงานคนไร้บ้าน ไร้ที่พึ่ง บ้านทอฝัน จังหวัดระยอง ที่นี่เป็นศูนย์รวมการช่วยเหลือคนไร้บ้านในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สิทธิ สวัสดิการ การเข้าถึงการรักษาพยาบาล เป็นต้น
พีรติบอกว่าอคติคืออุปสรรคอย่างหนึ่งที่พวกเขาเจอในการช่วยเหลือคนไร้บ้าน มีบางทีที่ทางศูนย์ฯ อยากจะสร้างพื้นที่สำหรับคนไร้บ้าน เพื่อให้พวกเขาไม่ต้องไม่ลำบากในพื้นที่สาธารณะ แต่ชุมชนใกล้เคียงไม่ยอมเนื่องจากกลัวว่าพวกเขาจะมาสร้างปัญหาให้
“บางทีชุมชนรอบข้างก็ปฏิเสธคนไร้บ้าน เขามองว่าเป็นพวกขี้เหล้าบ้าง ขี้ยาบ้าง ไม่มีระเบียบวินัยบ้าง คนไร้บ้านจะถูกมองในแง่ลบไปก่อนเลย”
นอกจากจะมีอคติต่อคนไร้บ้าน อคติต่อประชากรข้ามชาติก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ลำพังเป็นประชากรข้ามชาติธรรมดา ก็มักจะถูกมองว่าเป็นคนอื่น และถูกมองว่าเป็นคนที่เข้ามาแย่งงานของคนไทย จนเกิดการทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้ง พอมาตกที่นั่งคนไร้บ้านเข้าไปอีก จึงเป็นอคติซ้อนอคติ
“อย่างคนไร้บ้านที่เป็นคนไทย เวลาเขาอยากได้ของกินเขาก็ไปตลาดได้ แต่ถ้าเป็นคนไร้บ้านที่เป็นประชากรข้ามชาติเขาไปไม่ได้ เขาต้องไปวัดแทนเขาถึงจะมีอะไรกิน แล้ววัดในระยองบางวัดจะมีเวลาปิด พอถึงเวลาเขาก็ให้คนไร้บ้านออกจากวัด คนไร้บ้านก็ไม่มีที่อยู่”
ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนพวกเขาเองก็เป็นคนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นชาวประมง หรือแรงงานในโรงงานก็ตาม
พีรติและมานพมองว่าการแก้ปัญหาคนไร้บ้านโดยไม่ให้เขานอนในที่สาธารณะอย่างเดียวมันไม่ยั่งยืน หรืออย่างในกรณีที่เป็นคนไร้บ้านที่เป็นประชากรต่างชาติ การส่งเขากลับประเทศก็ดูเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเช่นเดียวกัน
“เรามองว่า ถ้าสมมติเจอคนไร้บ้านที่เป็นประชากรข้ามชาติแล้วส่งเขากลับประเทศของเขาเลยมันอาจจะไม่ช่วย เราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาจะไม่กลับมาอีก หรือถ้าเขากลับประเทศแล้วเขาก็ยังเป็นคนไร้บ้านต่อ ปัญหามันก็ยังคงอยู่นะ”
การไล่คนไร้บ้าน เป็นวิธีที่ใช้กับคนไร้บ้านที่เป็นคนไทยและคนต่างชาติ พีรติเล่าว่าบางทีคนไร้บ้านที่นอนอยู่ตรงสะพานลอยโดนไล่ พวกเขาก็จะเข้าไปนอนตรงวัดแทน ถ้าโดนไล่อีกก็จะไปนอนที่ป้ายรถเมล์ พวกเขาทำอะไรไม่ได้นอนจากย้ายที่นอนไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่นานก็วนกลับมานอนที่เดิมอีก
วิธีการแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านจึงควรจะเป็นวิธีที่ยั่งยืนและช่วยให้พวกเขา ‘หลุดพ้น’ จากการเป็นคนไร้บ้านต่างหาก
‘บ้านทอฝัน’ สร้างความฝันของคนไร้บ้านให้เป็นจริง
ศูนย์ประสานงานคนไร้ที่พึ่งไร้บ้าน บ้านทอฝัน คือ หน่วยงานที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือคนไร้บ้านในจังหวัดระยอง เพื่อให้พวกเขามีสิทธิที่เท่าเทียมกับคนอื่นๆ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเองขึ้นมาได้
ถึงแม้ที่นี่จะชื่อว่าบ้าน แต่ก็ไม่ใช่สถานที่พักพิงสำหรับคนไร้บ้านเสียทีเดียว มานพเล่าว่าแต่ก่อนบ้านทอฝันเคยเป็นศูนย์พักพิงให้คนไร้บ้าน แต่เพราะยังมีกำลังและทรัพยากรไม่เพียงพอ ทำให้เปลี่ยนจากสถานที่พักพิงเป็นศูนย์ประสานงานแทน
“เราพยายามขับเคลื่อนให้คนไร้บ้านมีสิทธิ มีสถานะ เท่าเทียมกับคนอื่น มันก็คือเรื่องของสิทธิมนุษยชน เรื่องของการเป็นคนเท่ากัน เราอยากทำให้คนไร้บ้านเข้าถึงสิทธิต่างๆ เหมือนกันกับคนทั่วไป โดยที่เขาไม่ถูกเลือกปฏิบัติ หรือถูกตีตรา”
บ้านทอฝันดูแลเรื่องการเข้าถึงสิทธิให้กับคนไร้บ้าน เนื่องจากคนไร้บ้านจำนวนไม่น้อยไม่มีบัตรประชาชน ซึ่งการขาดบัตรใบเดียวทำให้พวกเขาไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียมกับคนอื่นๆ บ้านทอฝันจึงทำหน้าที่ประสานงาน เดินเอกสาร และขั้นตอนอื่นๆ อีกมากเพื่อที่จะทำให้คนไร้บ้านมีบัตรประชาชน
การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนไร้บ้านก็สำคัญไม่แพ้กัน การได้มีอาชีพที่ทำให้เลี้ยงดูตัวเองได้ถือเป็นสิ่งที่จะช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากการเป็นคนไร้บ้านได้ บ้านทอฝันมีแนวทางการพัฒนาอาชีพให้กับคนไร้บ้าน โดยดูทักษะที่แต่ละคนมีก่อนจะมาเป็นคนไร้บ้าน แล้วจากนั้นค่อยหาอาชีพที่เหมาะสมกับพวกเขา
“เราจะคุยกับคนไร้บ้านก่อนว่าเขาเคยทำอะไรมา ถนัดด้านไหน จากนั้นเราก็หางานตามสิ่งที่ถนัด เช่น มีบางคนเคยทำสวนมาก่อน เราก็หางานดูแลต้นไม้ ตัดแต่งต้นไม้ให้เขา ทำสวนที่โรงแรมก็มี บางคนก็ทำได้นานเลย”
นอกจากนี้ ถ้าเป็นคนที่กำลังจะเสี่ยงเป็นคนไร้บ้าน เช่น ฐานะทางเศรษฐกิจไม่มั่นคง ตกงาน บ้านทอฝันก็จะพยายามช่วยหางานให้ก่อนที่เขาจะหมดหนทางและออกมาเป็นคนไร้บ้าน
คนไร้บ้านทุกคนจะได้รับการช่วยเหลือไม่ว่าเขาจะเป็นผู้สูงอายุ คนที่มาจากต่างจังหวัด หรือประชากรข้ามชาติ เพราะบ้านทอฝันเชื่อว่าทุกคนเท่าเทียมกัน และคนไร้บ้านไม่ใช่ตัวปัญหา แต่พวกเขาคือคนที่ได้รับผล กระทบจากปัญหาในสังคมต่างหาก
“ตามความรู้สึกของเราเลยนะ เราว่าคนไร้บ้านเขาไม่ใช่ปัญหาของสังคม แต่เขาคือคนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาในสังคมมากกว่า อย่างคนไร้บ้านที่เป็นประชากรข้ามชาติตอนเขาทำงานเขาก็ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ประเทศนะ แต่พอเขาหมดประโยชน์ ก็กลายเป็นว่าเขาถูกทิ้งไปเลย” พีรติกล่าว
ก้าวต่อไปของบ้านทอฝัน
“เราต้องทําให้เขาตั้งหลักแล้วก็กลับคืนสู่สังคมอย่างมีศักดิ์ศรีให้ได้”
นี่คือก้าวแรกและก้าวต่อไปของบ้านทอฝัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพาศักดิ์ศรีของคนไร้บ้านกลับมาอีกครั้ง เพื่อให้พวกเขาพึ่งพาตัวเองได้และไม่โดนคำสบประมาทต่างๆ อีก
การผลักดันเรื่องอาชีพก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการมีรายได้คือสิ่งที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ บ้านทอฝันพยายามตั้งโจทย์ให้มีอาชีพที่หลากหลายมากกว่าเดิม เพื่อที่จะให้คนไร้บ้านมีทางเลือกในการทำอาชีพของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เพาะเห็ด ทำพวงกุญแจ เป็นต้น
“เราอยากพัฒนาศักยภาพของเขา ให้คนไร้บ้านมีรายได้”
อีกหนึ่งความฝันเล็กๆ ของบ้านทอฝัน คือ การสร้างพื้นที่ส่วนกลางให้กับคนไร้บ้าน อาจจะไม่ใช่บ้านเพื่อพักพิงถาวร แต่เป็นบ้านที่เมื่อคนไร้บ้านต้องการที่พึ่งก็สามารถมาหาได้ เช่น ถ้าพวกเขาต้องการยา อาหาร หรือที่อาบน้ำ ก็สามารถมาใช้บริการที่นี่ชั่วคราวได้
“เรามองเรื่องของความเป็นคนเท่ากัน ไม่ว่าจะมาจากที่ไหนก็ตาม พอมาทำงานเรื่องสิทธิเราเห็นได้ชัดเลยว่าความเหลื่อมล้ำมันมีจริงๆ ในสังคมมันมีจริงๆ ซึ่งคนไร้บ้านก็คือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำนี้” พีรติทิ้งท้าย
ทั้งหมดนี้คือความตั้งใจในอนาคตของบ้านทอฝันเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไร้บ้านในระยองให้ดียิ่งขึ้น และเพื่อให้พวกเขามีสิทธิเหมือนคนอื่นๆ