ห้องย่อย 5: การเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้สำหรับกลุ่มประชากรเฉพาะ
กำหนดการ
Grand diamond
เวลา | กิจกรรม |
12.30-13.25 น. | เปิดลงทะเบียน |
13.25-13.30 น. | คลิปวีดีโอ “การทำงานลดเหลื่อมล้ำสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพและสังคมของ สสส.” |
13.30-13.40 น. | กล่าวต้อนรับ โดย ผศ.ดร.พิมพา ขจรธรรม กรรมการบริหารแผนคณะ 2 |
13.30-13.40 น. | ช่วง เขย่า เขยิบ ขยาย ผ่านเรื่องราวบุคคลต้นแบบ “การเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้สำหรับกลุ่มประชากรเฉพาะ” วัตถุประสงค์: นำเสนอประสบการณ์และบทเรียนที่เกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนงาน ปัจจัยความสำเร็จ และโอกาสการขยายผล รวมถึงประเด็นทิ้งท้าย ที่เป็นความท้าทาย ที่ยังต้องทำต่อ หรือความท้าทายในเชิงนโยบาย นำร่องโมเดลการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม การก่อเกิด การขยายผล และกลไกยั่งยืน บูรณาการและประยุกต์ model นำไปขยายผลเป็นรูปแบบการพัฒนากับงานระบบบริการชุมชนแบบองค์รวม เเละสุขภาพ ต้นแบบ SE ขององค์กรคนพิการ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ รูปแบบการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มคนไร้บ้าน การสร้างอาชีพให้กับผู้ต้องขัง ทิศทางและแนวโน้มใหม่ของการสร้างอาชีพตาม Megatrend Trend ใหม่ในอนาคต นักสื่อสารที่มองโอกาสและความท้าทายของประชากรกลุ่มเฉพาะในการมีรายได้ |
14.40-15.00 น. | สรุปประเด็นสำคัญ โดยอาจารย์สุรพล เหลี่ยมสูงเนิน นักวิชาการอิสระ |
15.00-16.00 น. | เวทีแลกเปลี่ยนมุมมองประสบการณ์และการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย ภาคปฏิบัติการของพื้นที่ แลกเปลี่ยนและสะท้อนอุปสรรค ความต้องการโอกาสและความท้าทายในการสร้างรายได้ ในแต่ละกลุ่มประชากรเฉพาะ 2. คุณกรรณิการ์ ปู่จินะ: เสียงกลุ่มคนไร้บ้าน 3. คุณอรนุช เลิศกุลดิลก ศูนย์เพลินวัย forOldy: เสียงกลุ่มผู้สูงอายุ 4.คุณธาม บันลือธัญลักษณ์: เสียงคนพิการรุ่นใหม่ 5. คุณเรณู เล็กนิมิตร นายก อบต.บางคนที: เสียงคนทำงานจากพื้นที่ หน่วยงานภาครัฐ |
16.00-17.00 น. | บทบาทของภาครัฐ และภาคเอกชนในการสนับสนุน ขยายผล และลดปัญหาอุปสรรค โดย คุณภาณุมาศ สุขอัมพร ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดย คุณวรวัฒน์ ศรียุกต์ ผู้อำนวยการด้านบริหารองค์กรเพื่อความยั่งยืน บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด โดย คุณนาวิน ธาราแสวง: สำนักงานนโยบายแรงงานนอกระบบ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน คุณธนสุนทร สว่างสาลี: รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ดำเนินรายการโดย : คุณอัปสร จินดาพงษ์ |
กำหนดการ
Sapphire 205
เวลา | กิจกรรม |
12.30-13.30 น. | ลงทะเบียน |
13.30-14.30 น. | สสส.ขับ…ภาคีเคลื่อน: อารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล โดย คุณกฤษนะ ละไล ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล |
14.30-15.00 น. | นิทรรศการเมืองไม่ทิ้งใครและกิจกรรมนำเข้าสู่การเสวนาเมืองที่ไม่ทิ้งใคร |
15.00-16.30 น. | เสวนาเรื่อง “เมืองในอนาคตควรเป็นแบบไหน เมืองอัจฉริยะ เมืองน่าอยู่ หรือเมืองที่ไม่ทิ้งใคร”
ตัวแทนจากเทศบาลเมือง Akashi ประเทศญี่ปุ่น ตัวแทนจากกรุงเทพมหานคร ตัวแทนจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ประธานฝ่ายแผนงานและโครงการ ภาคีเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ (T4A) |
16.30-17.00 น. | เสียงจากเครือข่ายเมืองที่ไม่ทิ้งใคร : ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อเมืองที่ไม่ทิ้งใคร |
รัฐ-เอกชน-ประชาสังคม ถอดบทเรียนร่วมมือแบบบูรณาการ
เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ให้ประชากรกลุ่มเฉพาะอย่างยั่งยืน
และมีคุณค่า
อย่างเท่าเทียมโดยทุกคน เพื่อทุกคน
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงานประชุมวิชาการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน: ประชากรกลุ่มเฉพาะ ครั้งที่ 2 ขึ้น โดยมีการอภิปรายกลุ่มย่อยหลายกลุ่ม หนึ่งในนั้นคือ “การเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้สำหรับกลุ่มประชากรเฉพาะ” จัดโดย มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม
และได้มีการจัดการสัมมนาในรูปแบบ “เขย่า เขยิบ ขยาย” เริ่มต้นที่ส่วนของการ “เขย่า” เป็นการนำเสนอประสบการณ์และบทเรียนที่เกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนงาน ปัจจัยความสำเร็จ และโอกาสการขยายผลของบุคคลต้นแบบที่ทำเรื่องเกี่ยวกับการเพิ่มรายได้ของประชากรกลุ่มเฉพาะ อันได้แก่ ผู้สูงอายุ คนพิการ คนไร้บ้าน แรงงานนอกระบบ ผู้ต้องขัง มุสลิมและอื่น ๆ มาแล้ว ได้แก่ นายอภิชาติ การุณกรสกุล ประธานมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม และ นพ.สันติ ลาภเบญจกุล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาระบบบริหารสุขภาพองค์รวม มูลนิธิสาธารณะสุขแห่งชาติ
ซึ่งทั้งสองท่านกล่าวถึงการจ้างงานคนพิการว่า ต้องทำอย่างเป็นระบบโดยการพัฒนาทักษะของคนพิการ เพื่อให้เขาได้ทำงาน มีรายได้สม่ำเสมอ พึ่งพาตนเองได้ เมื่อนั้นคนพิการก็จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชุมชนได้
โดย นพ.สันติ เล่าว่า ตนได้ทำ “โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในชุมชน” ขอความร่วมมือจากโรงพยาบาลประจำอำเภอที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ได้ช่วยคนพิการมีงานทำไปแล้ว 300 กว่าคน โดยการเชื้อเชิญมาทำงานที่โรงพยาบาล คนพิการที่มีงานทำกลายเป็นกำลังสำคัญของครอบครัว ส่วนโรงพยาบาลนั้นก็ได้บุคลากรที่มีคุณภาพสูงในการดูแลผู้ป่วยต่อไป
“ก่อนจะทำงาน โรงพยาบาลก็ได้มีการเปิดอบรมให้ความรู้กับคนพิการด้วย ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คุณภาพชีวิตของคนพิการดีขึ้นมาก นอกจากเขาจะเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ยังได้ดูแลคนอื่น สังคม โดยมีการแบ่งงานตามความสามารถและความเหมาะสม บางคนได้ทำงาน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คนหูตึงก็ไปทำแผนกซักฟอก ผมได้ซักถามผู้อำนวยการโรงพยาบาล ทุกคนบอกว่า คนพิการที่ได้ทำงานนั้น ทำงานดีไม่น้อยกว่าคนปกติเลย”
นอกจาก นพ.สันติ ยังกล่าวอีกว่า ยังมีวิธีการสร้างงานรูปแบบใหม่ เช่น โรงพยาบาลจัดกิจการเพื่อสังคมและให้คนพิการมาบริหารจัดการและดำเนินงานไม่ว่าจะเป็น ร้านปันสุขคาเฟ่ โรงพยาบาลตากใบ จังหวัดนราธิวาส ร้านกาแฟที่จัดการโดยคนพิการและคนด้อยโอกาส หรือร้านปันกัน โรงพยาบาลน้ำพอง จังหวัด ขอนแก่น ที่นำสินค้าที่ได้จากการบริจาคมาปรับปรุงและขายในร้าน ซึ่งโมเดลนี้คิดว่าจะสามารถนำไปปรับใช้กับผู้สูงอายุได้ด้วย
ด้าน อาจารย์มานพ เอี่ยมสอาด รองเลขาธิการมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เล่าว่า มูลนิธิฯ ได้จัดให้ความรู้แก่คนพิการผ่านสถานศึกษาหลายแห่ง ทำให้มีบุคลากรพิการที่มีคุณภาพและความสามารถมากมาย จึงได้ใช้โอกาสนี้ร่วมมือกับภาคเอกชนที่ต้องการคนทำงาน จัดตั้งบริษัทใหม่แล้วจัดหางานที่เหมาะสมให้คนพิการเหล่านั้น เช่น คอลเซ็นเตอร์ เจ้าหน้าที่ดูแลกล้องวงจรปิด และจีพีเอส จนสุดท้ายทุกคนก็มีรายได้ และองค์กรเองก็สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนเช่นกัน
“ต่อให้เราไม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจ แต่เรามีพื้นที่ อาคาร และคนพิการที่มีคุณภาพ เราหาคนที่มีความสามารถในธุรกิจนั้นที่องค์กรของเรามีคนทำได้มาร่วมมือกัน อย่าคิดว่าเขาจะทำงานอาสาสมัคร มันไม่ยั่งยืน แต่ต้องมีรายได้ให้เขาด้วย”
คุณสมพร หารพรหม ผู้ประสานงานมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย เล่าว่า ปัญหาใหญ่ของคนไร้บ้านก็คือ ส่วนใหญ่อายุเยอะ ไม่มีวุฒิการศึกษา และคนทั่วไปจะมองคนไร้บ้านในเชิงลบ ขี้เกียจ ขี้ขโมย ไม่มีศักยภาพ ขาดความรับผิดชอบ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ซึ่งทำให้สมัครงานได้ยาก ไม่มีเงินทุนและเครือข่ายทางสังคม ซึ่งก่อนหน้านี้พยายามหางานให้เขาทำ แต่พบว่าเมื่อไม่ได้ถามความต้องการของเขาจึงไม่สามารถไปต่อได้ ล่าสุดจึงได้ ร่วมกับเครือข่ายคนไร้บ้านและเครือข่ายสลัม 4 ภาค ทำงาน 4 อย่าง ได้แก่ 1. ค้นหาศักยภาพของคนไร้บ้าน แล้วพัฒนาสิ่งที่เขามี 2. สร้างความเชื่อมั่นของสังคมต่อคนไร้บ้าน โดยการพาเขาไปรับงานต่อเติม งานเหมาเล็ก ๆ ให้สังคมได้เห็นผลงาน 3. เปิดบริษัท ไทยโฮปฟูล จำกัด ร่วมกับเพจกลุ่มคนรักงาน และเพจตามล้างตามเช็ด เพื่อรับงานให้คนไร้บ้านโดยตรง โดยจะมีการอบรม ฝึกทักษะ จรรยาบรรณ และทัศนคติด้วย ซึ่งตอนนี้ก็มีคนได้งานทำมากขึ้นแล้ว ช่างบางคนก็ได้ยกระดับเป็นผู้รับเหมา มีการย้ายจากอาศัยในที่สาธารณะไปอยู่ห้องเช่าแล้วบางส่วน และสังคม ภาครัฐ เอกชน ก็มีทัศนคติต่อคนไร้บ้านด้านศักยภาพดีขึ้น ซึ่งตนอยากให้ภาครัฐและเอกชนให้โอกาสให้คนไร้บ้านได้ทำงานเพื่อพวกเขาจะมีรายได้มากขึ้น และหลุดพ้นจากการเป็นบุคคลในพื้นที่สาธารณะ
ด้าน นพ.พูลชัย จิตอนันตวิทยา ประธานฝ่ายการแพทย์ วิสาหกิจสุขภาพชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม ซึ่งช่วยผู้ต้องโทษที่พ้นโทษมาแล้วและหางานทำไม่ได้โดยการใช้ประโยชน์จากที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) มาให้พวกเขาปลูกผักเกษตรอินทรีแล้วส่งเสริมการตลาด ขายให้ผู้ต้องการและส่งไปต่างประเทศ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากองค์กรระหว่างประเทศมากมายจนสามารถหาทุนในการกระจายงานนี้ทั่วประเทศได้มากกว่า 10 ล้านเหรียญ เพื่อบริหารที่ดิน 4 พันกว่าล้านไร่
คุณณัฐภัทร ทวีกาญจน์ จาก Vulcan Coalition AT Technology Driven by Disabilities ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยี ขับเคลื่อนโดยกลุ่มฝีมือศักยภาพคนพิการเล่าว่า ในปัจจุบันมีการใช้งาน ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI อย่างมาก แต่สิ่งที่ทำให้ AI ไปต่อได้คือการป้อนข้อมูลที่มีอยู่แล้วเข้าไป ซึ่งบริษัท Vulcan เล็งเห็นว่าตรงส่วนนี้ คนพิการสามารถทำงานได้ จึงเลือกใช้อย่างเหมาะสม พบว่าคนพิการสามารถทำงานด้านพัฒนาเทคโนโลยียุคดิจิทัลให้พัฒนาได้
ปัจจุบันด้วยการสนับสนุนบริษัทพันธมิตร ทำให้มีกลุ่มคนพิการกว่าห้าร้อยคนที่ทำงานให้เราทั่วประเทศ ทำงานจากที่บ้านผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์บนอุปกรณ์พื้นฐานในปัจจุบันนี้
“และเมื่อคนพิการได้เข้ามาในวงการงานต่างๆ ก็สามารถพัฒนาศักยภาพไปได้เรื่อย จนกลายเป็นการพัฒนาด้านอาชีพ กลายเป็นโปรแกรมเมอร์ พัฒนาซอฟแวร์ต่างๆ ได้ เป็นการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน และตำแหน่งที่มั่นคงขึ้น ผลงานต่าง ๆ ของคนพิการจะเปลี่ยนทัศนคติของคนทั่วไปได้ และคนพิการจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคม”
คุณประสาน อิงคนันท์ เจ้าของเพจมนุษย์ต่างวัย เล่าว่า การจะทำให้คนสูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ต้องคุยกับคนทุกวัย ปรับทัศนคติของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติที่ผู้สูงวัยมีต่อตัวเอง ว่ามีค่าพอที่จะเริ่มต้นสิ่งใหม่ในวัยเรา ขณะเดียวกันก็คุยกับคนต่างวัยให้ดึงศักยภาพของคนสูงวัยขึ้นมา เราจะเห็นว่ามีหลายครั้งที่เห็นว่า หลาน ๆ ชวนคนสูงวัยมาสร้างอาชีพ เช่น ข้าวกล่องอาม่า เป็นต้น
ซึ่งการประสบความสำเร็จทั้งหมดนั้น เกิดจากความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นประชากรเฉพาะกลุ่มใด และมีการท้าทายเพื่อยกระดับการจัดการของทุก ๆ กลุ่มให้ดียิ่งขึ้นด้วย
ต่อมาในส่วนของการ “เขยิบ” ก็เป็นการพูดคุยของภาคีเครือข่ายที่ทำงานในพื้นที่เพื่อแลกเปลี่ยนและสะท้อนอุปสรรค ความต้องการโอกาสและความท้าทายในการสร้างรายได้ในแต่ละกลุ่มประชากรเฉพาะ ได้แก่ คุณสุจิน รุ่งสว่าง จากเครือข่ายแรงงานนอกระบบ ซึ่งกล่าวว่า คนกลุ่มนี้ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ที่ผ่านมาได้มีการประสานกับกระทรวงแรงงาน ประกันสังคม และ สสส. ให้ได้มีพื้นที่พูดคุยกัน ทั้ง 5 ภูมิภาคที่ช่วยกันผลักดันจนได้เข้าระบบประกันสังคมมาตรา 40 แต่ก็ยังเหลื่อมล้ำเรื่องสิทธิประโยชน์ และต้องการพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้เท่าเทียมกัน
คุณกรรณิการ์ ปู่จินะ จากกลุ่มคนไร้บ้าน เล่าว่าอยากให้สังคมให้โอกาสและเปิดพื้นที่ให้กับคนไร้บ้าน อย่ามองคนไร้บ้าน เชิงลบ หรือสงสาร แต่ให้มองในเชิงลึกว่า ทำไมถึงต้องมาอยู่แบบนั้น
คุณอรนุช เลิศกุลดิลก โครงการเพื่อนผู้สูงอายุ forOldy จากกลุ่มผู้สูงอายุ เล่าว่าที่ผ่านมาพยายามรวบรวมคนสูงวัยให้มาอยู่ด้วยกัน ดูแลกันและกัน ให้ “สูงวัยอย่างสง่างาม เจ็บอย่างสบาย จากไปอย่างสงบ” และยังมีการเปิด “ร้านคุณตาคุณยาย” ซึ่งเป็นกิจการเพื่อสังคม โดยรับปรับปรุงซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องใช้ผู้สูงอายุที่สภาพดี นำมาปรับปรุงซ่อมแซม ทำความสะอาด มีให้เช่าระยะสั้น จำหน่าย และหาทุนให้กับคนที่ไม่มีค่าใช้จ่าย
“วันนี้เราเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ อยากให้รัฐบาลมีการจ้างงาน เพราะผู้สูงอายุต้องการมิติทางชีวิตที่มั่นคงขึ้น เป็นการให้คุณค่ากับชีวิต อยากให้มีการลงทะเบียนผู้สูงอายุเพื่อการบริหารจัดการที่เป็นระบบ”
ด้าน คุณธาม บันลือธัญลักษณ์ น้องออทิสติก ตัวแทนเสียงคนพิการรุ่นใหม่ ซึ่งจบปริญญาตรี และทำงานเป็นหลักแหล่งเล่าว่า มีเพียง 2% เท่านั้นที่คนพิการเรียนจบปริญญาตรี ซึ่งก็เกิดจากสาเหตุหลายอย่างอาทิ ความไม่เข้าใจของสังคม และความไม่พร้อมของสถานศึกษา จึงได้เสนอแนะวิธีการแก้ไข ดังนี้ ให้คนพิการเชื่อมั่นในตัวเองว่าสามารถพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้ ผู้ปกครองต้องเปิดใจยอมรับความพิการของลูก โรงเรียนต้องมีความเข้าใจคนพิการ มหาวิทยาลัยต้องฝึกทักษะคนพิการในการทำงาน นายจ้างที่ยังต้องส่งเงินเข้ากองทุน ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการนั้น ตนเชื่อมั่นว่า การจ้างคนพิการจะให้ผลที่ดีกว่า
ในกรุงเทพฯ คนพิการใช้ชีวิตลำบากมาก ต้องการให้กระทรวงแรงงาน มีการติดตามการทำงานของคนพิการ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ขยายการประสานงานเรื่องความเข้าใจคนพิการ และคนจ้างงาน และสุดท้ายให้คนปกติและคนพิการสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข
ด้าน คุณเรณู เล็กนิมิตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางคนที จ. สมุทรสงคราม ซี่งเป็นเสียงคนทำงานจากพื้นที่ หน่วยงานภาครัฐ กล่าวว่าในบางคนที่มีผู้สูงอายุ 31% คนพิการ 149 คน คิดเป็น 4.5% ในคนพิการ 70% เป็นผู้สูงอายุ บางบ้านน่าสงสารมากเพราะพิการกันถึง 3 คน มีการสร้างความเข้าใจ และช่วยเหลือดูแล เป็นโมเดล Care Giver คือเข้าไปดูแลถึงที่บ้าน มีการดูแลสุขภาพกาย เช่น ตัดเล็บ ตัดผม ป้อนข้าว และดูแลสุขภาพใจ เป็นเพื่อนคุย ให้รู้สึกว่ายังไม่ถูกทอดทิ้ง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการมีส่วนร่วมของชุมชน
ต่อมาในส่วนของ “ขยาย” ก็เป็นการพูดถึงบทบาทของภาครัฐต่อจากวันนี้ที่ได้ฟังเสียงประชาชนแล้วว่าจะมีการสนับสนุน ขยายผล และลดปัญหาอุปสรรคอย่างไรบ้าง
เริ่มจาก คุณภาณุมาศ สุขอัมพร ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ฟังจากทุกท่านที่กล่าวมาข้างต้นแล้วพบว่า จะเป็นการดีมากหากทุกเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็น คนไร้บ้าน คนพิการ ผู้สูงอายุ แรงงานนอกระบบ และอื่น ๆ สามารถใช้หลักการการทำงานของคนอื่น ๆ ด้วยได้ ไม่ต้องสร้างใหม่ขึ้นมาเองทั้งหมด แต่ทำอย่างคนเป็นเพื่อนกัน เช่น ให้คนไร้บ้านไปทำเกษตรด้วยได้ไหม โดยอาจจะเริ่มจาก กรุงเทพฯ ก็ใช้พื้นที่ว่างที่ตอนนี้เจ้าของปลูกกล้วยไว้เฉย ๆ มาทำให้เกิดประโยชน์มากขึ้นได้ ที่สำคัญคือ ต้องรู้และเข้าใจความต้องการของผู้รับจริง ๆ รู้จุดแข็ง จุดอ่อน ตรงนี้จะต้องทำข้อมูลที่เป็นระบบขึ้นมา ซึ่งตรงนี้สามารถใช้งาน LINE OA “Bangkok For ALL” ได้
“ถึงตอนนี้ต้องพัฒนาให้ทันกับสภาพสังคม และต้องร่วมมือกัน เช่น สอนอาชีพที่ไม่ล้าหลัง และสามารถใช้เป็นอาชีพได้จริงในสังคมปัจจุบัน และคนแต่ละกลุ่มอย่าคิดว่าต้องรอให้คนอื่นมาช่วยเหลือ แต่เราต้องช่วยเหลือกันและกัน ออกแบบการทำงานร่วมกัน ใครมีดีอะไรก็มาร่วมมือกัน”
ด้าน คุณวรวัฒน์ ศรียุกต์ ผู้อำนวยการด้านบริหารองค์กรเพื่อความยั่งยืน บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด กล่าวว่า มิตรผลจ้างงานคนพิการมาหลายปี ทีแรกไม่สามารถทำตามกฎหมายพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ก็ต้องมาดูถึงปัญหา พบว่า เขาไม่สามารถมาทำงานที่บริษัทได้ จึงได้มีการปรับปรุงวิธีการ จนล่าสุด ได้จ้างงานคนพิการที่บริษัทเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และมีการขยายงานไปยังนอกบริษัทเป็นการทำ CSR ด้วย
“เวลาเราจ้างคนพิการ เราเห็นคุณค่าของคนพิการก่อน เราไม่ได้จ้างเพราะเราอยากบริจาคเงิน คนพิการที่เป็นพนักงานเราแบ่งเป็น 3 กุล่ม 1. เดินทางมาทำงานได้ 2. อยู่ในพื้นที่ แต่มีศักยภาพ ก็ให้ดูไร่ ดูพื้นที่เพาะปลูก 3. พิการมาก มีข้อจำกัดเยอะ เราก็ให้ทำงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงเรียน และ อบต. ทั้ง 3 กลุ่มนี้อยู่กับเรานาน ทำงานได้ดี ปัจจุบันเรามีคนพิการทำงาน 80 กว่าคนแล้ว และยังมีเป้าหมายให้เขามีรายได้เพิ่มต่อไป”
คุณนาวิน ธาราแสวง สำนักงานนโยบายแรงงานนอกระบบ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในวันนี้ได้ยินเสียงของประชากรกลุ่มเฉพาะทุกคนแล้ว โดยพร้อมที่จะสนับสนุนทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ และว่าตอนนี้กระทรวงแรงงานกำลังยกร่างพระราชบัญญัติซึ่งตอนนี้ให้ชื่อว่า พรบ.คุ้มครองแรงงานนอกระบบ เพื่อให้เกิดการคุ้มครองแรงงานทั้งหมดในไทย ซึ่งจะเกิดจากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ดังนั้นอยากให้ประชาชนสะท้อนขึ้นมาว่า แรงงานนอกระบบนั้น มีปัญหาอะไร ต้องการอะไร เช่น การรับรองสิทธิ์ ยืนยันตัวตน สิทธิ์ในการรวมกลุ่มจัดตั้งองค์กรเพื่อเรียกร้องดูแล กองทุนในกรณีที่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน และให้ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลแรงงาน ในคณะกรรมการแรงงานนอกระบบแห่งชาติด้วย
สำหรับแรงงานผู้สูงอายุนั้น คุณนาวินกล่าวว่า กระทรวงแรงงานได้ตั้งปณิธานไว้ว่า ไม่อยากให้ผู้สูงอายุต้องทำงานเพราะไม่มีจะกิน แต่อยากให้ทำงานเพราะยังมีศักยภาพ จึงจะมีการทำงานกับภาคเอกชน ให้มีการขยายอายุการทำงาน หรือหากต้องการเปลี่ยนอาชีพใหม่ ก็ต้องมีรองรับ และอยากจะดึงประสบการณ์ของผู้สูงอายุเหล่านั้นมาเป็นประโยชน์กับคนรุ่นหลังด้วย
ด้าน คุณธนสุนทร สว่างสาลี รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ เล่าถึงการสนับสนุนการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ และโอกาสด้านอาชีพของประชากรกลุ่มเฉพาะว่า ที่ผ่านมา ร่วมมือกับกระทรวงแรงงานในการหาอาชีพให้กับกลุ่มเปราะบางมาโดยตลอด หากมีความสามารถก็ส่งเสริม หากไม่มีก็มีการฝึกฝีมือแรงงานให้ ซึ่งตอนนี้ก็มีอาชีพใหม่หลายอาชีพเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานเกี่ยวกับไอที ช่างล้างแอร์ ช่างซ่อมรองเท้า และการดูแลคนป่วย หรือ Care Giver ซึ่งตอนนี้เป็นที่ต้องการมาก กำลังมีการฝึกอย่างจริงจังที่ขอนแก่น เพื่อที่จะส่งไปฝึกงานต่อที่ญี่ปุ่น
ท้ายสุด ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวถึงก้าวต่อไปของการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้สำหรับกลุ่มประชากรเฉพาะว่า ที่ผ่านมารู้สึกว่า ความต้องการทั้งจากฝั่งภาครัฐ ภาคเอกชน และคนพิการ ยังไม่ตรงกัน ต่างก็ทำงานหนักมาก ตนเห็นว่าแทบจะไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม แต่ต้องจับมาเจอกันให้ได้ และทำงานอย่างพิถีพิถันขึ้นเท่านั้น เพราะนั่นจะเป็นการสร้างโอกาส ไม่ใช่ต่างคนต่างทำงาน คือ มีการขับเคลื่อนนโยบายจากภาคประชาชน มีการเรียกร้องจนเกิดตัวชี้วัด และต้องคิดถึงเรื่องกลไกร่วมในการทำงานด้วย จากนั้นก็ต้องมีการพัฒนาคน เพราะถ้าไม่มีการพัฒนาศักยภาพของคนก็จะไม่มีทางไปรอด
“ทั้งนี้อยากให้ภาครัฐและภาคเอกชนเข้าใจว่า คนกลุ่มประชากรเฉพาะนี้มีบริบท ธรรมชาติ และความพร้อมที่แตกต่างกัน แต่หากนำความแตกต่างนั้นมาออกแบบอย่างพิถีพิถันก็จะช่วยได้มาก เพราะจะรู้ว่าช่องว่างอยู่ตรงไหน เพื่อทำให้เกิดการสนับสนุนที่ต่างกัน”
จึงกล่าวได้ว่า เมื่อต้องการจะก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็นระบบนั้น จำเป็นต้องจับมือ ร่วมงานกันทุกฝ่าย เพื่อขับเคลื่อนไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน
บทความ: งานประชุมวิชาการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน : ประชากรกลุ่มเฉพาะ ครั้งที่ 2 วันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2566
โดย บริษัท ออลไรท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ความคิดเห็น ข้อมูลและบทสรุปที่นำเสนอในห้องย่อย ถือเป็นความคิดเห็นร่วมกันของเครือข่ายในห้องย่อยเท่านั้น
ทั้งนี้ จะถูกรวบรวมและนำไปเสนอเชิงนโยบายต่อไป
Please wait while flipbook is loading. For more related info, FAQs and issues please refer to documentation.
ดาวน์โหลด