ห้องย่อย 8: แรงงานข้ามชาติกับสิทธิที่ไปไม่ถึง: บทบาทภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ต่อการคุ้มครอง ส่งเสริม พัฒนา

                            การทำงานของประชากรข้ามชาติในประเทศไทย กับการเข้าถึงสิทธิแรงงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ยังเป็นอุปสรรคที่สวนทางกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้การจ้างงานแรงงานข้ามชาติและผู้ติดตามได้รับการคุ้มครองและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ทั้งนี้การดูแลคุณภาพชีวิตและการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติให้เข้าถึงสิทธิต่าง ๆ อย่างแท้จริงนั้น เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับ “แนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GOOD LABOUR PRACTICE)” ซึ่งถือเป็นนโยบายการบริหารแรงงานที่สำคัญของกระทรวงแรงงานและของรัฐบาลไทยมาหลายปี เป็นการเปิดเวทีสาธารณะเพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงสถานการณ์ของประชากรข้ามชาติ และนโยบายกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และร่วมกันพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มประชากรข้ามชาติอย่างแท้จริง

กำหนดการ

Sapphire 109

เวลา กิจกรรม
12.30-13.00 น. ลงทะเบียน
13.00-13.20 น. กล่าววัตถุประสงค์ ความเป็นมา และแนะนำองค์กรภาคีร่วมจัดงาน
โดย      ผศ.ทรงพันธ์ ตันตระกูล
รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ในฐานะผู้จัดการโครงการฯ

บทบาทความร่วมมือองค์กรภาคีดำเนินงาน
โดย คุณภัคชนก พัฒนถาบัตร องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน(IOM)
คุณพิริยพงศ์ เเจ้งเจนเวทย์ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)

13.20-13.45 น. กล่าวเปิดและบรรยายพิเศษเรื่อง “เเรงงานข้ามชาติ : มูลค่าเเละคุณค่าต่อประเทศไทย”
โดย      พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก
กรรมการบริหารเเผน คณะที่ 2 สสส. เเละที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ
นายมนัส โกศล
คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
13.45-15.30 น. เวทีเสวนา “สถานการณ์การเข้าไม่ถึงสิทธิของเเรงงานข้ามชาติ
กลุ่มอาชีพต่าง ๆ บทบาทภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ต่อการคุ้มครอง ส่งเสริม พัฒนา”

นายเกษมสันต์ เครือเจริญ
ผู้อำนวยการกองคุ้มครองแรงงานนอกระบบ
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน

คุณมงคล สุขเจริญคณา
ประธานสมาคมการประมงเเห่งประเทศไทย
คุณสมมาส สุภาผล
ประธานกลุ่มสับปะรดเเปลงใหญ่
คุณบัณฑิตย์ ธนชัยเศรษฐวุฒิ
นักวิจัยอิสระ
คุณศุกาญจน์ตา สุขไผ่ตา
มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF)

คุณเมียน เวย์ 
มูลนิธิร่วมมิตรไทย-พม่า

คุณชูวงค์ แสงคง
นักวิจัยอิสระ

คุณสุชาติ ตระกูลหูทิพย์
มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์

คุณประสิทธิ์ ธงทัศวรรธนะ
สภาคริสตจักรในประเทศไทย

คุณสุจิน รุ่งสว่าง
ประธานสมาพันธ์ศูนย์ประสานงานเเรงงานนอกระบบเเห่งประเทศไทย

ดำเนินรายการโดย ดร.กฤษฎิ์ กาญจนกิตติ สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

15.30-16.30 น. แบ่งกลุ่มย่อยระดมความเห็น
“ความคืบหน้าทางนโยบาย เเละก้าวต่อไปในการคุ้มครอง ส่งเสริม พัฒนา”

  • แรงงานทำงานบ้าน
    นำแลกเปลี่ยนโดย เรือเอกจักรทิพย์ กล่ำเสือ และนายเมียน เวย์
  • แรงงานภาคเกษตร
    นำแลกเปลี่ยนโดย นายประสิทธิ์ ธงทัศวรรธนะ และ ผศ.ดร.วรางคณา นาคเสน
  • แรงงานชายแดนที่จ้างงานตามฤดูกาล
    นำแลกเปลี่ยนโดย นายสุชาติ ตระกูลหูทิพย์ และนางศุกาญจน์ตา สุขไผ่ตา
  • แรงงานข้ามชาติผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเข้าถึงการรับบำนาญชราภาพได้
    นำแลกเปลี่ยนโดย นายกอบ เสือพยัคฆ์ และนายบัณฑิต แป้นวิเศษ
  • อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานของแรงงานข้ามชาติ
    นำแลกเปลี่ยนโดย นายประทีป โมวพรหมานุช และนายชูวงค์ แสงคง
  • ผู้ติดตามแรงงานข้ามชาติ บุตรหลาน และครอบครัว
    นำแลกเปลี่ยนโดย นางสาววาสนา ลำดี และนางสาวสุธาสินี แก้วเหล็กไหล
  • 16.30-17.15 น. เเต่ละกลุ่มนำเสนอผลจากการเเลกเปลี่ยน (กลุ่มละ 5-7 นาที)
    17.15-17.30 น. สรุปประเด็นเเละทิศทางการทำงานร่วมกันในอนาคต
    โดย ผศ.ดร.ทรงพันธ์ ตันตระกูล
    ผู้จัดการโครงการฯ
    ผู้ดำเนินรายการประจำห้อง
    นางสาววาสนา ลำดี มูลนิธิพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย
    และนายบัณฑิต แป้นวิเศษ มูลนิธิเพื่อนหญิง

    ขั้นตอนรัฐ‘ยุ่งยาก-ซับซ้อน’อุปสรรค
    ‘แรงงานข้ามชาติ’เข้าระบบ-เข้าถึงสิทธิ์

    “2 ล้านกว่าคน” เป็นตัวเลขอย่างเป็นทางการของ “แรงงานข้ามชาติ” ในประเทศไทย แต่สำหรับอดีตนายทหารที่ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว ซึ่งในอดีตเคยดำรงตำแหน่งเจ้ากรมกิจการชายแดน อย่าง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก คณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 2 สสส. และที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ คาดการณ์ว่า จริง ๆ แล้วอาจสูงกว่านั้นมาก

    ข้อมูลข้างต้น พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวไว้ในการบรรยายพิเศษ เรื่อง “แรงงานข้ามชาติ: มูลค่าและคุณค่าต่อประเทศไทย” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมวิชาการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน: ประชากรกลุ่มเฉพาะ ครั้งที่ 2 (ห้องย่อย: เวทีสาธารณะ หัวข้อ: แรงงานข้ามชาติกับสิทธิที่ไปไม่ถึง: บทบาทภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ต่อการคุ้มครอง ส่งเสริม พัฒนา)” โดยเฉพาะด้านตะวันตก พรมแดน “ไทย-เมียนมา” ที่ยังคงมีแรงงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย จากสถานการณ์ในประเทศต้นทางที่ไม่เคยสงบมานานหลายสิบปี

    โดยหากติดตามข่าวสารผ่านสื่อมวลชน ก็จะเห็นข่าวตำรวจ-ทหาร ตรึงกำลังลาดตระเวนตามแนวชายแดน เฝ้าระวังและจับกุมบุคคลจากประเทศเพื่อนบ้านที่พยายามข้ามฝั่งมาหางานทำในประเทศไทย ดังนั้นโจทย์สำคัญคือ ทำอย่างไรจะให้แรงงานข้ามชาติเข้าประเทศไทยได้อย่างถูกต้อง และให้แรงงานข้ามชาติที่เข้าสู่ระบบแล้วได้รับการดูแล

    นายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย ซึ่งร่วมบรรยายพิเศษเรื่องเดียวกับ พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวเพิ่มเติมในประเด็น “การเข้าถึงสิทธิประกันสังคมของแรงงานข้ามชาติ” ว่า ปัจจุบันมีแรงงานข้ามชาติอยู่ในระบบประกันสังคมราว 1.28 ล้านคน หากเทียบกับตัวเลขแรงงานข้ามชาติอย่างเป็นทางการราว 2 ล้านคน

    เท่ากับว่ามีแรงงานข้ามชาติอีกราว 8 แสนคน ที่ไม่ได้เข้าระบบประกันสังคม ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็น “แรงงานเกษตรตามฤดูกาล” กับ “ลูกจ้างทำงานบ้าน” ที่ปัจจุบันมีกฎกระทรวงยกเว้นไว้ทำให้ไม่ได้เข้าระบบ สิ่งที่ต้องคิดต่อคือจะแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าวได้อย่างไร เพื่อให้แรงงานข้ามชาติที่เข้าเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกคนเข้าถึงสิทธิประกันสังคม

    นอกจากนั้น “สิทธิบำเหน็จประกันสังคมของแรงงานข้ามชาติควรปรับให้เหมาะสมกับสภาพการจ้างงานจริง” กล่าวคือ ปัจจุบันแรงงานข้ามชาติจะอยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 4 ปีแล้วต้องถูกส่งกลับประเทศต้นทาง ดังนั้นแม้แรงงานข้ามชาติจะอยู่ไม่ถึง 180 เดือน (หรือ 15 ปี) ซึ่งเข้าเงื่อนไขระยะเวลาส่งเงินสมทบต่อเนื่องแล้วได้บำนาญ แต่ก็ยังมีสิทธิได้รับบำเหน็จ มาก-น้อย แล้วแต่จำนวนเงินสมทบที่จ่ายและระยะเวลาจ่ายเงินสมทบต่อเนื่อง แต่ปัญหาคือกฎหมายระบุว่าจะรับบำเหน็จได้ตอนอายุ 55 ปี แรงงานข้ามชาติที่ต้องกลับประเทศจึงเสียสิทธินี้ไปโดยปริยาย

    จากนั้นเป็นเวทีสานเสวนา “สถานการณ์การเข้าไม่ถึงสิทธิของแรงงานข้ามชาติกลุ่มอาชีพต่าง ๆ บทบาทภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ต่อการคุ้มครอง ส่งเสริม พัฒนา” โดยวิทยากรท่านแรกคือ น.ส.พรรณี รวมทรัพย์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการคุ้มครองแรงงานนอกระบบ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน รายงานความคืบหน้าของภาครัฐในการปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

    อาทิ กฎกระทรวงฉบับที่ 14 (พ.ศ.2555) ว่าด้วยลูกจ้างทำงานบ้าน กำหนดความคุ้มครองวันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดตามประเพณี วันลา ต่อมายังมีแนวคิดปรับแก้อีก 11 เรื่อง เช่น เพิ่มเรื่องเวลาทำงาน สิทธิความคุ้มครองลูกจ้างหญิงตั้งครรภ์ ไปจนถึงการจ่ายค่าจ้างที่ไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปัจจุบันเป็นร่างกฎหมายออกมาแล้ว จากนั้นกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่างฯ นี้ส่งรัฐมนตรี จากนั้นให้ทางกฤษฎีกา เมื่อเรียบร้อยก็ส่งกลับมาให้กระทรวงแรงงาน เพื่อให้รัฐมนตรีลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

    อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของ “นายจ้าง” สิ่งที่ต้องการคือ “ช่องทางการนำเข้าแรงงานข้ามชาติที่ถูกต้องตามกฎหมายแบบสะดวก รวดเร็วและราคาไม่แพง” โดยวิทยากร 2 ท่านที่เป็นนายจ้าง คือ นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กับ นายสมมาส สุภาผล ประธานกลุ่มสับปะรดแปลงใหญ่อำเภอบางละมุง เห็นตรงกันว่า หากรัฐลดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนจะได้ประโยชน์ในการลดค่าใช้จ่ายทั้งของนายจ้างและลูกจ้าง ดีกว่าไปบีบให้ใช้บริการ “นายหน้า” ที่มีค่าใช้จ่ายสูง

    “จากขึ้นทะเบียนตามมติ ครม. (คณะรัฐมนตรี) ต่า งๆ 2-3 มติที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 3-4 พันบาทเท่านั้นเอง แต่บริษัทพวกนี้ (นายหน้าจัดหาแรงงานข้ามชาติ) หมื่นห้าหรือหมื่นสองเป็นอย่างน้อย บางคนได้มาหมื่นสองคุยใหญ่เลยว่าได้ลดราคาถูกจังเลย ซึ่งผมให้น้อง ๆ ที่รู้จักกันไปดูให้ ไปช่วยทำให้ โดยเฉพาะภาคการเกษตร เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 5 พันกว่าบาท ก็มีกำไรไปช่วยจ่ายค่าน้ำ-ค่ากาแฟคนช่วยทำ ลองคิดดู 5-6 พันบาท กับ 15,000 บาท มันต่างกันเท่าไร” นายสมมาส ระบุ

    เช่นเดียวกับ นายสุชาติ ตระกูลหูทิพย์ มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ ที่กล่าวว่า เวทีวันนี้มีประเด็นที่ 3 ฝ่ายทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง และภาคประชาสังคม (NGO) เห็นตรงกันคือการลดขั้นตอนและการอำนวยความสะดวกในการขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติ โดยหลังจากเวทีครั้งนี้ จะต้องมีการร่วมประกาศจุดยืนที่ชัดเจนให้รัฐต้องดำเนินการ ไม่ใช่ปัดทุกอย่างให้เข้าไปสู่ระบบนายหน้า

    ด้าน นายชูวงค์ แสงคง นักวิจัยอิสระ กล่าวถึงปัญหา “การทำประกันสุขภาพสำหรับแรงงานข้ามชาติ” ว่า แม้กระทรวงสาธารณสุขส่งเสริมให้ซื้อประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติ ของสาธารณสุข แต่พอไปซื้อจริง ๆ กลับพบเงื่อนไขที่ปฏิบัติตามได้ยาก เช่น ต้องซื้อพร้อมกันทั้งครอบครัว หากครอบครัวหนึ่งมีสมาชิกหลายคนและอยู่ในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักก็ไม่สามารถซื้อได้ ส่วนการเข้าถึงระบบประกันสังคม พบปัญหากิจการขนาดเล็กมีลูกจ้างไม่กี่คน ไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลเป็นกิจจะลักษณะ ก็มักจะไม่เข้าประกันสังคม แม้กฎหมายจะกำหนดให้ต้องเข้าก็ตาม เนื่องจากมองว่ามีขั้นตอนยุ่งยาก เช่น การหักเงินส่งสมทบ

    นางสุจิน รุ่งสว่าง ประธานสมาพันธ์ศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบแห่งประเทศไทย เสนอแนะว่า กระทรวงแรงงาน ควรพัฒนาศักยภาพ “อาสาสมัครแรงงาน” ซึ่งมีบทบาทในการเข้าถึงแรงงานในพื้นที่ เป็น “ด่านหน้า” คอยสื่อสารสร้างความเข้าใจในเรื่องที่แรงงานข้ามชาติควรรู้ เช่น กฎหมายและสิทธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน ระบบการขึ้นทะเบียนแรงงานควรขยายลงไปสู่ระดับจังหวัด เพื่อให้เกิดความสะดวกมากขึ้น

    “อาสาสมัครที่อยู่ในพื้นที่ สามารถช่วยและทำเรื่องระบบเหล่านี้เพื่อให้แรงงานข้ามชาติเข้าถึงระบบ ไม่ว่าจะต่อบัตรหรือเข้าถึงการคุ้มครอง มีกฎหมายคุ้มครองไหม มีกฎหมายอะไรบ้าง เข้าถึงประกันสังคมได้ไหม แล้วถ้าเข้าแล้วเขาจะได้อะไรบ้าง หมายถึงเราให้ความรู้เรื่องเหล่านี้ การสร้างความเข้าใจแบบพี่น้องกัน” นางสุจิน กล่าว

    บทความ:  งานประชุมวิชาการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน : ประชากรกลุ่มเฉพาะ ครั้งที่ 2 วันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2566
    โดย บริษัท ออลไรท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด

    ความคิดเห็น ข้อมูลและบทสรุปที่นำเสนอในห้องย่อย ถือเป็นความคิดเห็นร่วมกันของเครือข่ายในห้องย่อยเท่านั้น
    ทั้งนี้ จะถูกรวบรวมและนำไปเสนอเชิงนโยบายต่อไป

    Please wait while flipbook is loading. For more related info, FAQs and issues please refer to documentation.


    ดาวน์โหลด
    Shares:
    QR Code :
    QR Code

    ใส่ความเห็น

    อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

    ระบุข้อความ