ส่องนโยบายแคนดิเดต ผู้ว่าฯ กทม. เพื่อกรุงเทพฯ ของคนทุกคน

ส่องนโยบายแคนดิเดต ผู้ว่าฯกทม. เพื่อกรุงเทพฯของคนทุกคน

ส่องนโยบายแคนดิเดต ผู้ว่าฯกทม. เพื่อกรุงเทพฯของคนทุกคน

.
เสียงปี่กลองเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และสมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) ใกล้เข้ามาทุกที อย่านอนหลับทับสิทธิ์ 22 พฤษภาคมนี้ต้องออกไปเลือกตั้งกัน ในโอกาสนี้ขอส่องนโยบายตัวเต็งแคนดิเดตผู้ว่าฯกทม. ถึงการสร้างเมืองกรุงเทพฯให้เป็นเมืองที่เท่าเทียม สำหรับคนทุกคนตามแนวทาง “สังคมองค์รวม” (Inclusive Society)
.
มีผู้สมัครนำเสนอแนวคิด“เมืองที่คนเท่ากัน” โดยตั้งใจเน้นการฉีดวัคซีนปอดอักเสบให้ผู้สูงอายุ ป้องกันโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยติดเตียงและลดอาการเจ็บป่วยรุนแรง เพิ่มเบี้ยสวัสดิการผู้สูงอายุในกรุงเทพทุกคน 1,000 บาทต่อเดือน เด็กแรกเกิดถึง 6 ปี ได้รับสวัสดิการค่าเลี้ยงดูบุตร 1,200 บาท ต่อเดือนทุกคน เบี้ยผู้พิการทุกคนจะได้รับ 1,200 บาท ต่อเดือน ซึ่งมีแนวคิดที่ไปในแนวทาง Universal Basic Income (UBI) ที่ในหลายๆประเทศใช้กัน
.
ประเด็นเชิงสาธารณสุข มีผู้สมัครชูแคมเปญ “กรุงเทพฯ ดีกว่านี้ได้” จะมีข้อเสนอเพิ่มศูนย์สาธารณสุขให้เพียงพอกับจำนวนคนที่อยู่อาศัย เพื่อให้เข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น ส่วนโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 11 แห่ง จะปรับให้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง เพิ่มศักยภาพในการรักษา ขณะที่การดูแลกลุ่มเปราะบางในเชิงรุกมากขึ้น ที่สำคัญลดภาระให้กับคนในครอบครัวให้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงในระยะไกลได้ สามารถออกไปทำงานโดยไม่ต้องห่วง ซึ่งเรื่องสิทธิการเข้าถึงสวัสดิการการรักษาควรเป็นพื้นฐานที่สำคัญไม่ว่าจะรวยหรือจะจน
.
ด้านนโยบายกลุ่มผู้สูงอายุ “อาวุโสอุ่นใจ” มีนโยบายที่น่าสนใจ เสนอให้มีระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินทันสมัย พร้อมด้วยอินเทอร์เน็ตฟรี 150,000 จุด ยกระดับการแจ้งเหตุฉุกเฉิน รองรับการแจ้งเหตุผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งทางโทรศัพท์ แอปพลิเคชันออนไลน์บริการ ตรวจสุขภาพฟรี หมอดี รพ. ดี ใกล้บ้าน ผู้สูงอายุในกทม. ตรวจเพิ่มเติมจากสิทธิขั้นพื้นฐาน ตรวจสุขภาพหัวใจ สมอง หลอดเลือด ฟรีทุกปี และข้อสุดท้ายจ้างงานผู้สูงอายุ 5,000 ตำแหน่งโดยเข้าระบบกองทุนการจ้างงานชุมชน ให้ผู้สูงอายุได้สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เช่น การดูแลเด็ก/ดูแลผู้สูงอายุด้วยกัน การทำความสะอาด การเพาะปลูกผัก เพื่อการค้าขายในชุมชน เป็นต้น
.

.
ปัจจุบันกรุงเทพฯเป็นเมืองที่ค่าครองชีพแพงอันดับ 2 ในอาเซียน มีข้อเสนอนโยบาย “การทำกรุงเทพฯให้ถูกลง” เพื่อลดค่าครองชีพของคนทุกกลุ่มให้กรุงเทพฯเป็นเมืองน่าอยู่ไม่ใช่แค่เมืองน่าเที่ยว และการสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษาเป็นเรื่องที่สำคัญ และสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลง ลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยลำดับความสำคัญให้เหมาะสม มีงานวิจัยบอกว่าการลงทุนในเด็กเล็ก 0-3 ขวบ ให้ผลตอบแทนสูงสุด ซึ่งกลุ่มนี้พ่อแม่ยังต้องทำงาน ส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานรายวัน ไม่สามารถดูแลลูกได้ ดังนั้นการช่วยเรื่องภาระลูกจะเป็นการช่วยสองต่อ คือ ช่วยเศรษฐกิจของพ่อแม่ด้วย
.
ท้ายที่สุดไม่ว่าใครจะเป็นผู้ว่าฯกทม. พวกเราต้องช่วยจับตานโยบายที่ได้ประกาศเพื่อสร้างกรุงเทพฯเป็นเมืองของทุกคนแท้จริง เพราะที่ประกาศออกมาแล้วถือว่าเป็นสัญญาประชาคมที่สำคัญ อย่าลืมไปกำหนดอนาคตของกรุงเทพฯ 22 พฤษภาคมนี้
.
#เลือกตั้งผู้ว่ากทม65    #กรุงเทพ

เเหล่งที่มา   https://www.facebook.com/curiouspeople.me

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบุข้อความ