อัปเดต ‘ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว’ ฉบับประชาชน รัดกุม ครอบคลุม รักษาความปลอดภัยของ ‘เหยื่อ’ มากกว่ารักษาสถาบันครอบครัว
ใน 1 วัน มีผู้ถูกกระทำความรุนแรงมากถึง 42 ราย
จากสถิติล่าสุดในปี 2567 กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวพบว่า มีผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวมากถึง 4,833 ราย ประเภทความรุนแรงที่พบมากที่สุดคือ การทำร้ายร่างกาย 73.08% การล่วงละเมิดทางเพศ 16.84% และการกระทำอื่นๆ เช่น ถูกทำอนาจาร หรือถูกทอดทิ้ง 10.07%
ความรุนแรงในครอบครัวมีสาเหตุรากเหง้าจากความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกันในครอบครัว และอาจมีปัจจัยร่วมที่ทำให้ปัญหาซับซ้อนและแก้ไขได้ยากขึ้น เช่น สุรา ยาเสพติด ปัญหาสุขภาพจิต หรือความเครียดทางเศรษฐกิจ เป็นต้น
ทุกตัวเลขที่กล่าวมา คือความเจ็บปวดที่มนุษย์คนหนึ่งต้องเจอในความจริง พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในฝันร้าย มิหนำซ้ำยังถูกกระทำซ้ำๆ จากคนเดิม
ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว (ฉบับภาคประชาชน) จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อแก้ไขและอุดช่องว่างของ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยร่างภาคประชาชนมีจุดมุ่งหมายสำคัญ คือการคุ้มครองสวัสดิภาพความปลอดภัยและอำนวยความยุติธรรมแก่ผู้ที่ถูกกระทำรุนแรงในครอบครัว มากกว่าการมุ่งไกล่เกลี่ยเพื่อรักษา ‘สถาบันครอบครัว’ ไว้ตามกฎหมายเดิม
เพราะความรุนแรงทางเพศไม่ได้อยู่แค่ในรูปแบบของการตบ ตี ต่อย และใช้กำลังต่างๆ หากยังมีประเภทของความรุนแรงอื่นๆ ที่ทำร้ายเหยื่อได้เหมือนกัน ร่างพ.ร.บ. ฉบับประชาชนจึงพยายามให้นิยามกับความรุนแรงให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การกระทำผิดทางเพศ การทำให้ปราศจากเสรีภาพ การทอดทิ้งเด็กหรือบุคคลในครอบครัวที่พึ่งพาตัวเองไม่ได้ เป็นต้น ที่สำคัญคือครอบคลุมความรุนแรงแบบการใช้อิทธิพลควบคุมบังคับโดยมิชอบ (coercive control) เช่น การตรวจโทรศัพท์หรือโซเชียลส่วนตัว การติดตามตำแหน่งผ่านมือถือ การกีดกันไม่ให้พบเพื่อนฝูง ให้ถือเป็นความรุนแรงในครอบครัว
ในปัจจุบันกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ในประเทศไทยแล้ว โดยคู่รักเพศเดียวกันถือเป็นคู่สมรสในทางกฎหมาย ดังนั้น ร่าง พ.ร.บ. ฉบับภาคประชาชนจึงปรับให้เข้ากับบริบทของสังคมสมัยใหม่ที่มีความหลากหลายโดยการเปลี่ยนนิยามบุคคลในครอบครัวจาก ‘ฉันสามีภริยา’ เป็น ‘ฉันคู่สมรส’ และเพิ่ม ‘คู่เพศหลากหลาย’ เข้ามาด้วย
การรักษาสถาบันครอบครัว ไม่ได้ทำให้ปัญหาความรุนแรงหายไป พ.ร.บ. ฉบับปี 50 มองว่ากฎหมายควรให้โอกาสผู้กระทำผิดกลับตัวเพื่อรักษาสถาบันครอบครัวเอาไว้ แต่การทำเช่นนี้มักสร้างบาดแผลให้ผู้ถูกกระทำความรุนแรงเพิ่มขึ้นไปอีก ร่าง พ.ร.บ. ฉบับภาคประชาชนจึงพยายามยึดหลักการของกฎหมายคุ้มครองความรุนแรงในครอบครัวในระดับสากล
หนึ่งในการยกระดับกฎหมายคุ้มครองความรุนแรง คือ การอ้างอิงแนวทางการดำเนินคดีและกำหนดบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อขจัดความลักลั่นในการบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากกฎหมายความรุนแรงในครอบครัวที่ใช้บังคับปัจจุบันมีการจำกัดเพดานอัตราโทษไว้ค่อนข้างต่ำ และมีข้อยกเว้นให้ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษอาญา แม้จะเป็นความผิดลักษณะเดียวกับที่มีการระบุโทษไว้ในกฎหมายอาญา นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ. ฉบับภาคประชาชนยังกำหนดให้อายุความและเงื่อนไขการยอมความเป็นไปตามกฎหมายอาญา โดยเพิ่มมาตรการที่จะประกันความปลอดภัยและอำนวยความยุติธรรมแก่ผู้ถูกกระทำให้รัดกุมยิ่งขึ้นในกรณีที่มีการยอมความ
ในขณะเดียวกัน ร่าง พ.ร.บ. ฉบับภาคประชาชนยังระบุให้ศาลมีอำนาจพิจารณาลดโทษแก่บุคคลที่ได้ถูกคู่กรณีในคดีนั้นๆ กระทำความรุนแรงซ้ำอย่างต่อเนื่องจนได้รับความกระทบกระเทือนทางร่างกายหรือจิตใจอย่างรุนแรง และตอบโต้ด้วยความรุนแรงจนกลายเป็นผู้กระทำผิด (Battered person syndrome) เช่น กรณีสามีทุบตีภรรยามาเป็น 10 ปี จนวันหนึ่งภรรยาทนไม่ไหวทำร้ายร่างกายสามีกลับ หากสอบสวนได้ว่า ภรรยาเคยตกเป็นเหยื่อของสามีมาเป็นเวลานาน จะมีการลดโทษให้ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ที่ได้กระทำผิดเนื่องจากตนเป็นฝ่ายถูกกระทำความรุนแรงมาก่อน
ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ยังพยายามอุดช่องว่างกรณีที่มีการแจ้งเหตุแล้ว แต่ผู้ถูกกระทำไม่ได้รับการช่วยเหลือทันท่วงทีและเสี่ยงที่จะถูกกระทำซ้ำ โดยกำหนดว่าหลังได้รับการแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ต้องลงพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและช่วยเหลือผู้ถูกกระทำ นอกจากนี้เพื่อให้การช่วยเหลือครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยังมีการจัดตั้ง ‘ผู้จัดการรายกรณี’ และ ‘คณะทำงานสหวิชาชีพ’ เพื่อฟื้นฟูเยียวยาอย่างรอบด้าน ทั้งในมิติสุขภาพ เศรษฐกิจ และความมั่นคง
นี่คือประเด็นสำคัญจาก ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวฉบับภาคประชาชน ที่ทำให้เห็นว่ามิติของความรุนแรงมีความหลากหลายและซับซ้อน ร่าง พ.ร.บ. ฉบับภาคประชาชนนจึงถูกออกแบบมาเพื่อให้การคุ้มครองและอำนวยความยุติธรรมแก่ผู้ถูกกระทำรุนแรงในครอบครัวให้มากที่สุด
เชิญชวนทุกคนร่วมขับเคลื่อนโดยการลงความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว ฉบับภาคประชาชน ภายในวันที่ 10 ธ.ค. 2568 ผ่านลิงก์นี้ https://web.parliament.go.th/section77/survey_detail.php?id=509
