
อ้วนลงพุงตั้งแต่อายุยังน้อย หัวร้อนง่าย และไม่สนใจสุขภาพอย่างจริงจัง อัปเดตวิถีไรเดอร์ สำรวจสถานการณ์สุขภาพกลุ่มคนส่งข้าว ส่งน้ำ ส่งเอกสาร เพราะไรเดอร์สุขภาพดี ชีวิตเราก็ดีไปด้วย

อาชีพไรเดอร์เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิดที่เรามักคุ้นชินกับ ‘พี่ๆ เสื้อเขียว-เสื้อส้ม’ บนท้องถนน หรือเจอหน้ากันยามท้องหิว ข้อมูลสมาคมไรเดอร์แห่งประเทศไทย ระบุว่าในปัจจุบันมีจำนวนไรเดอร์ (Rider) ในกลุ่มธุรกิจ Food Delivery อย่างน้อยประมาณ 3-4 แสนคน โดยแบ่งเป็นลักษณะอาชีพหลัก และไรเดอร์แบบพาร์ทไทม์-ชั่วคราว
ปัญหาหนึ่งในกลุ่มอาชีพไรเดอร์ที่ถูกละเลยชัดเจนคือ ปัญหาสุขภาพของไรเดอร์ที่แทบไม่เคยถูกพูดถึงอย่างจริงจัง
“ไรเดอร์สุขภาพดี ไม่ใช่แค่เรื่องของพวกเขา แต่คือคุณภาพชีวิตของเราทุกคน” พงษ์ศักดิ์ สกุลทักษิณ ผู้รับผิดชอบโครงการ ‘เฮลทีไรเดอร์’ กล่าว
‘เฮลทีไรเดอร์’ หรือโครงการเสริมพลังชุมชนสู่การสร้างเสริมสุขภาพไรเดอร์ (Healthy Rider) สนับสนุนโดย สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คือโครงการเพื่อการตระหนักถึงสุขภาพของกลุ่มแรงงานนอกระบบ อย่างไรเดอร์ เน้นการมองเห็นว่าสุขภาพที่ดีไม่ได้หมายถึงแค่ร่างกายแข็งแรง แต่รวมถึง สุขภาวะองค์รวมทั้งกาย – จิต – สังคม – จิตวิญญาณ รวมถึงเน้นให้ไรเดอร์เห็นคุณค่าและหันกลับมาดูแลตนเอง ผ่านแรงกระตุ้นจากเพื่อน ชุมชน และแพลตฟอร์ม ขยายไปถึงการสนับสนุนอาชีพอื่นๆ และสร้างเครือข่ายช่วยเหลือกันในชุมชนไรเดอร์
‘เฮลทีไรเดอร์’ เริ่มจากการเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามกลุ่มไรเดอร์ พบว่าภาพรวมปัญหาสุขภาพของไรเดอร์หลักๆ คือภาวะอ้วนลงพุง และเกิดขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อยกว่าคนทั่วไป (27–28 ปี) สะท้อนถึงความเสี่ยงสูงในการเกิดโรค NCDs เช่น เบาหวาน ความดัน นอกจากนี้ภาวะสุขภาพจิตยังมีเรื่องความเครียดเข้ามาเกี่ยวข้อง สาเหตุหลักๆ ก็มาจากพฤติกรรมเสี่ยงจากอาชีพที่ต้องขับขี่รถตลอดเวลา
“ไรเดอร์ไม่สนใจสุขภาพตัวเองเพราะว่าพวกเขาต้องบีบตัวเองทำงานหนักเพื่อให้ถึงรายได้ขั้นต่ำอย่างน้อยต้อง 800–1,000 บาทต่อวัน ต้องวิ่งทำรอบ ไรเดอร์มักกินอาหารแบบรีบเร่ง เลือกจากความสะดวกและความอิ่ม ไม่สนใจคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ค่อยเคลื่อนไหวตัว มักจะคิดว่าขี่รถคือการได้ขยับร่างกายแต่การเคลื่อนที่ส่วนใหญ่คือการนั่งบนมอเตอร์ไซค์ จึงไม่ใช่เผาผลาญพลังงานอย่างที่คิด และไรเดอร์หัวร้อน เพราะเขาต้องรองรับอารมณ์ลูกค้า อารมณ์ร้านค้าประกอบกับต้องคิดถึงรถติด อากาศฟ้าฝน” พงษ์ศักดิ์ กล่าว
‘เฮลทีไรเดอร์’ จึงจัดตรวจตรวจสุขภาพเชิงรุก ร่วมมือกับโรงพยาบาล 3 แห่งใน กทม. อย่างโรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ และโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านสุขภาพไรเดอร์ รวมถึงตรวจคัดกรองเฉพาะโรคที่เสี่ยงในอาชีพ เช่น ปอด ตา หู นอกเหนือจากการตรวจสุขภาพประจำปีทั่วไป
และมีการสร้างโปรแกรมติดตามสุขภาพไรเดอร์ Wheel Being เพื่อมอนิเตอร์สุขภาพต่อเนื่อง เน้นการตั้งเป้าหมายสุขภาพ หรือกิจกรรมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องราคาพิเศษ เพื่อจูงใจให้เข้ามาตรวจสุขภาพ
“เราทำงานกับสมาคมไรเดอร์แห่งประเทศไทย ให้พวกเขาไปสอบถาม ไปคุยกันเองในกลุ่มไรเดอร์ที่น่าจะเข้าใจกันและกัน ซึ่งหลังจากเก็บข้อมูลสุขภาพแล้ว ยังได้มีการสร้างชุมชนไรเดอร์ เช่น การรวมกลุ่มย่อย ‘กลุ่มอ้วนลงพุง’ ‘กลุ่มไรเดอร์ผู้หญิง’ เพื่อซัพพอร์ตและให้คำปรึกษากันเอง และทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มบริษัทต้นสังกัด เพื่อสร้างเครือข่ายการตระหนักรู้สุขภาพ และผลักดันสิทธิสุขภาพ”
พงษ์ศักดิ์ อธิบายต่อว่าเฮลทีไรเดอร์จึงเป็นมากกว่าโครงการสุขภาพ แต่เป็นความพยายามสร้างระบบนิเวศที่ทำให้อาชีพไรเดอร์อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี สุขภาพ และอนาคต
“เรากำลังผลักดันสิทธิประโยชน์การตรวจสุขภาพสำหรับแรงงานสองล้อ เช่น ตรวจปอด, ตา, หู โดยไม่ต้องรอหมอวินิจฉัยว่ามีปัญหาแล้วค่อยรักษา หรืออยากทำงานครอบคลุมทั้งไรเดอร์และวินมอเตอร์ไซค์ไปพร้อมกัน เพราะ ไรเดอร์คือ “คนที่แบกรับความเสี่ยงแทนเรา” หากไรเดอร์มีสุขภาพดี สังคมและเศรษฐกิจได้ประโยชน์ร่วมกัน ร้านค้ามีรายได้เพิ่ม ลูกค้าได้บริการสะดวกและปลอดภัย ไรเดอร์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”