เปราะบางชั่วข้ามคืน : “คนจนเกิดจากโครงสร้างทางสังคม ทำให้ปัจจัยสี่อยู่ไกลเกินเอื้อม…ความเป็นพลเมืองขึ้นอยู่กับทะเบียนบ้าน เรามีตัวตนแต่นโยบายในพื้นที่ไม่ได้นึกถึง”
“ถ้าไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ไม่มีบัตรประชาชน คิดว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปไหม?”
เมื่อพูดประเด็นความยากจนและการเข้าถึงสิทธิ คำที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยครั้ง คือ คำว่า ‘คนจน’ ‘คนเปราะบาง’ และ ‘คนกลุ่มเสี่ยง’ แต่เราอาจจะไม่ได้รู้จักว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นใคร และอาจจะไม่ได้เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกแบบนั้น
ทฤษฎี สว่างยิ่ง ผู้อำนวยการเครือข่ายสุขภาพและโอกาส (Health and Opportunity Network – HON) บอกเล่าเรื่องราวของคนนี้ผ่านเวที ‘Poverty Talk ถอดรหัสความจน’ ภายในงาน Policy Forum “คนจนเมือง : เส้นทางหลุดพ้นความเหลื่อมล้ำ” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2568 ว่า การที่พวกเขาเหล่านี้เป็นคนเปราะบาง ไม่ได้แปลว่าพวกเขาอ่อนแอ
“บางคนเป็นคนหาเช้ากินค่ำเหมือนกับเรา แต่พอมีปัญหาเข้ามา เขาอาจจะถูกบอกว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง เป็นกลุ่มเปราะบาง ทั้งๆ ที่เขาเข้มแข็ง เขาสู้ชีวิตด้วยความฝัน ด้วยความกล้า”
“การเป็นคนจนก็เกิดจากโครงสร้างทางสังคมบางอย่างที่ทำให้เราจน ทำให้ที่อยู่อาศัย อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค อยู่ไกลเกินกว่าที่เราจะเอื้อมได้”
ทฤษฎีแนะนำให้เรารู้จักกับ ‘โห้’ หญิงสาวที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองพัทยา เมืองเศรษฐกิจที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยทฤษฎีเล่าว่า โห้เป็นอีกคนหนึ่งที่พายุแห่งความยากจนและแรงปรารถนาของความร่ำรวยพัดพาให้เธอเข้ามาทำงานที่พัทยา ซึ่งชีวิตของโห้ในตอนนั้นก็ดีอย่างที่คิด เพราะได้แต่งงานกับสามีชาวต่างชาติที่ทำให้โห้ไม่จำเป็นต้องออกไปทำงานอีกต่อไป สามารถอยู่บ้านดื่มไวน์ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปในแต่ละวันได้
เราอาจรู้สึกว่าโชคชะตาเข้าข้างโห้ แต่ในความเป็นจริงโชคชะตากลับเล่นตลก เพราะอยู่ดีๆ สามีของโห้ก็หอบข้าวหอบของบินกลับประเทศ ทิ้งให้โห้อยู่กับความเสียใจที่ยากจะรับมือ เธอจึงใช้สุราและสารเสพติดเป็นที่ระบาย จนอยู่มาวันหนึ่งโห้ติดคุก
“พอเขาออกมาจากเรือนจำ ที่พักอาศัยของเขาถูกยึด ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าติดตัว บัตรประชาชนถูกยึดไประหว่างการถูกจับกุม โห้ออกมาโดยใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ตามสะพานลอย ทั้งๆ ที่เขาเคยรวยมาก ดื่มไวน์ ไม่ต้องตื่นทำงาน แต่เพียงชั่วครู่ เขากลายเป็นคนที่ไร้บ้าน”
โห้ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เพราะผลกระทบจากสุราและยาเสพติดส่งผลต่อระบบสมอง บางครั้งโห้สื่อสารได้เป็นประโยค บางครั้งสื่อสารได้เป็นคำ และมีบางครั้งที่เธอต้องสื่อสารผ่านภาษากาย แต่ชีวิตที่ไม่มี ‘บัตรประชาชน’ ทำให้โห้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิการรักษา ราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน ทั้งที่ก็ยืนอยู่กลางเมืองพัทยา
“โห้มีตัวตน แต่เขาไม่เคยถูกนับว่าเป็นพลเมืองของเมืองพัทยา และเราหลายๆ คนที่อยู่ในเมืองพัทยาก็ไม่ได้ถูกนับเช่นกัน เพราะความเป็นพลเมืองของเมืองนี้ขึ้นอยู่กับทะเบียนบ้าน”
ทฤษฎีอธิบายเสริมว่า การที่เป็นคนพลัดถิ่นมาทำงานอยู่ในพัทยา ไม่ได้แปลว่าเป็นพลเมืองคนหนึ่งของพัทยา เพราะต่อให้หน่วยงานรัฐจะจัดสรรนโยบายมาให้คนพัทยา พวกเขาก็ไม่มีสิทธิได้รับอยู่ดีเนื่องจากทะเบียนบ้านอยู่ที่อื่น และบางคนไม่มีทะเบียนบ้าน เพราะบ้านเดิมที่เคยอยู่อาศัยถูกขายหรือถูกยึดไปเหมือนกับกรณีของโห้
จากการทำงานกว่า 15 ปี ของเครือข่ายสุขภาพและโอกาส (HON) มีผู้รับบริการรวมกันไม่ต่ำกว่า 3,000 คน แต่คนเหล่านี้กลับไม่ปรากฏในฐานข้อมูลของเมืองพัทยา เพราะไม่ได้มีทะเบียนบ้านในพื้นที่ ทำให้นโยบายต่างๆ ไม่ครอบคลุมถึงพวกเขา
มิหนำซ้ำ การเป็น ‘ประชากรแฝง’ ทำให้ในบางครั้งถูกมองว่าเป็นกลุ่มคนที่ทำลายภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว ทั้งที่ในความเป็นจริง พวกเขาคือกลุ่มคนที่ถูกละเลยจากระบบและสังคมต่างหาก
“หน่วยงานภาครัฐบางที่ยังคงเจาะจงว่า คนที่จะรับเงินช่วยเหลือ เงินสงเคราะห์ได้ต้องเป็นคนในพื้นที่เท่านั้น ถ้าทะเบียนบ้านของคุณอยู่ขอนแก่น อยู่เชียงราย คุณจะไม่มีสิทธิมารับเงินสงเคราะห์ในพื้นที่พัทยา”
ทฤษฎีทิ้งท้ายว่า ไม่มีใครที่อยากเป็นกลุ่มเสี่ยง อยากเป็นคนจน อยากเป็นคนเปราะบาง แต่เงื่อนไขทางสังคมบีบบังคับให้พวกเขาไม่มีทางเลือก หากจะเปลี่ยน พวกเราทุกคนรวมถึงผู้มีอำนาจจะต้องช่วยกันเช็ดแว่นในการมองคนของตัวเอง เปลี่ยนเลนส์ที่มันมองได้ลึกหลายมิติ มองคนให้ลึกกว่าความเป็นพลเมือง มองให้เห็นความเป็นมนุษย์ที่มีความแตกต่างหลากหลาย และมองให้เห็นปัญหาที่มันซับซ้อนมากขึ้น
“ขอให้รัฐสร้างโครงสร้างที่มันยุติธรรมในการเข้าถึงกับทุกคนแม้ว่าเขาจะไม่ใช่พลเมืองของตัวเอง และถ้าถามว่าฝันอยากจะเห็นสังคมของเราเป็นยังไง ก็ขอให้ทุกคนปลอดภัย ไม่มีเวลาที่จะฝันไกล เพราะบางทีมันมองไม่เห็น”
รับชมไลฟ์ Policy Forum “คนจนเมือง : เส้นทางหลุดพ้นความเหลื่อมล้ำ” ที่ : https://www.facebook.com/100064360734759/videos/718828650966418
นิทรรศการ “เท่าหรือเทียม” เส้นทางความเหลื่อมล้ำ คน|จน|เมือง ชวนสำรวจความเหลื่อมล้ำที่เราเคยเห็น เคยรับรู้ แต่ไม่เคยรู้สึก
📍เข้ารับชมนิทรรศการได้ฟรี
📍15 – 27 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 – 20.00 น.
📍ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)