จากบัตรประชาชน สู่มรณบัตร : ดูแลคนไร้บ้านให้เข้าถึงสิทธิทั้งตอนมีชีวิตและวาระสุดท้าย
“ถ้าเขาไม่มีบัตรประชาชนเราก็ต้องหาวิธีทำให้เขามีให้ได้ ถ้าไม่มีญาติก็ต้องไปสืบจนเจอให้ได้”
‘รชยาภรณ์ธวี ธนวัตน์เทวากุล’ หรือ เตย ผู้จัดการศูนย์ HON (Health and Opportunity Network) ประจำเมืองพัทยา หน้าที่ของเตยมีตั้งแต่ดูแล ส่งต่อ ย้ายสิทธิโรงพยาบาล ดำเนินเรื่องทำบัตรประชาชน ให้กับกลุ่มคนไร้บ้านที่พัทยา
การมีบัตรประชาชนเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของ ‘การเกิด’ ก่อนหน้านี้คนไร้บ้านอาจจะไม่สามารถเข้าถึงสิทธิอะไรได้เลย แต่การมีใบบัตรเดียวสามารถทำให้เขาได้เข้าถึงทั้งการรักษา สิทธิ สวัสดิการ และรวมไปถึงการมีอาชีพด้วย
บัตรประชาชนใบเดียวยังทำให้การ ‘จากไป’ ของพวกเขาไม่โดดเดี่ยว มันเป็นหลักฐานเดียวที่ช่วยยืนยันได้ว่าพวกเขาคือใคร เกิดที่ไหน และที่สำคัญคือใช้นามสกุลอะไรเพื่อตามหาญาติหรือคนในครอบครัวได้ง่ายขึ้น
เพราะฉะนั้นการมีบัตรประชาชน เหมือนเป็นการมอบ ‘ชีวิต’ ให้กับพวกเขาอีกครั้ง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9) สสส. พยายามแก้ไขปัญหา ‘คนไทยไร้สิทธิ’ ที่หมายถึงผู้ที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนทำให้ไม่เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการตามที่ควรจะได้รับได้ คนไร้บ้านส่วนหนึ่งก็เป็นคนไทยไร้สิทธิเนื่องจากการย้ายถิ่นฐาน เอกสารประจำตัวหายเพราะไม่มีที่อยู่
คนไร้บ้านหลายคนตัดขาดจากครอบครัวตัวเองเพื่อมาสร้างชีวิตใหม่ เตยเล่าว่าเธอพยายามเป็น 1 ในสมาชิกครอบครัวใหม่ให้เขา หรือไม่ต้องถึงขั้นเป็นครอบครัวเดียวกันก็ได้ แค่เป็นคนที่เขาไว้วางใจก็พอ และมากพอที่พวกเขาจะติดต่อเตยมา ในช่วงที่อยู่ในวาระสุดท้าย
“ก่อนที่มันจะถึงวาระนั้น เราก็ไม่ได้แค่ลงพื้นที่แค่ครั้งสองครั้ง เราทำความรู้จักทำให้เขาไว้วางใจ ให้เขารู้ว่าเราเป็นยังไง มาทำอะไรบ้าง ลงไปหาบ่อยๆ จนเขาติดต่อมาเองในเวลาที่มีปัญหา”
เตยเล่าว่าตัวเองมีโอกาสได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมเยียนพี่น้องคนไร้บ้านค่อนข้างบ่อย เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เจอกันแล้วอีกรายมีอาการขั้นวิกฤติ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พูดจาไม่รู้เรื่อง ทีมจึงประเมินกันว่าควรพาไปส่งโรงพยาบาล เตยเล่าตอนนั้นตัวเองที่ใส่ส้นสูงก็แบกเคสนี้ไปถึงโรงพยาบาลได้
โดยภาพรวม ถ้าเตยประเมินแล้วว่า คนไร้บ้านอยู่ในขั้นวิกฤติและมีโอกาสที่จะไม่รอด เธอจะพยายามพูดคุยเพื่อให้คนไร้บ้านจัดการเรื่องของมรดกหรือสิ่งที่ต่างๆ ที่เขาจะส่งต่อไว้ เพื่อที่ว่าตอนจากไปจะได้ไม่มีอะไรค้างคา
“ตอนที่เขายังมีสติอยู่ ก็จะให้เอากระดาษมาเขียนเป็นบันทึกคำพูดว่า ชื่อนี้นะ ถ้าเป็นอะไรไปสมบัติที่มีอย่างรถมอเตอร์ไซค์ เงินสด จะให้ใครเป็นคนจัดการ แล้วให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชน แล้วเราก็ถ่ายอัดคลิปวิดีโอตอนเขาเขียนไปด้วย ให้พูดตามที่เขียนด้วย จากนั้นให้ญาติเป็นคนเซ็นในเอกสารตัวนั้น เพื่อยืนยันว่าเราไม่ได้ทำอะไรละเมิด”
ขั้นตอนที่สำคัญคือการนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากโรงพยาบาล ตามกฎหมายแล้วจะมีแค่กลุ่มคนเฉพาะเท่านั้นที่สามารถทำได้ ได้แก่ คู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมาย บุตร ธิดา บุตรบุญธรรม บิดา มารดา พี่น้องร่วมบิดามารดา และญาติคนอื่นๆ ที่อยู่ในการดูแลมาตลอด
บางเคสที่สามารถตามหาญาติได้ง่ายๆ ก็มี แต่บางเคสที่เรียกว่าต้องพลิกแผ่นดินหาก็ไม่น้อย เตยเล่าว่าเธอจะใช้วิธีสืบเสาะจากประวัติที่มีก่อน เช่น นามสกุลตามบัตรประชาชน หรือไม่ก็อาศัยถามคนใกล้ตัวของคนไร้บ้าน บางทีแค่รู้ว่าเป็นญาติห่างๆ ก็สามารถสืบหาต่อได้เยอะแล้ว
หรือบางทีก็ใช้วิธีการประกาศตามหาผ่านเฟซบุ๊ก เตยเล่าว่ามีหลายครั้งเหมือนกันที่ใช้วิธีนี้และหาญาติจนเจอ
“มีเพื่อนๆ ช่วยประกาศลงเฟซบุ๊กว่าคนชื่อนี้ ป่วย พอจะมีใครติดต่อญาติได้ไหม เพื่อที่จะมาเซ็นเอกสารให้ที่โรงพยาบาล ประมาณสักครึ่งวันนี่แหละก็มีคนติดต่อมา บอกว่ามีป้าเขาอยู่นะ”
แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีบางกรณีที่ไม่สามารถหาญาติได้จริงๆ หรือเจอแล้วแต่ญาติปฏิเสธที่จะมารับ กรณีแบบนี้เตยจำเป็นต้องส่งต่อให้กับมูลนิธิที่ดูแลศพไร้ญาติโดยตรง เช่น มูลนิธิสถาบันนิติเวชวิทยา มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน ฯลฯ เนื่องจากไม่สามารถเซ็นเอกสารนำร่างออกมาจากโรงพยาบาล
เมื่อนำร่างออกมาจากโรงพยาบาลได้ ก็นำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ ส่วนใหญ่ที่เตยดูแลเป็นคนที่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งเตยก็ติดต่อกับเจ้าอาวาสวัดใกล้เคียงเอาไว้เป็นประจำ ทำให้ง่ายต่อการจัดงานและควบคุมเรื่องของค่าใช้จ่ายได้ด้วย
เตยเล่าว่าจัดพิธีครั้งหนึ่งมีค่าใช้จ่ายเกือบหมื่น ส่วนใหญ่เป็นค่าบำรุงวัด ค่าเผา ส่วนเรื่องดอกไม้เตยเล่าว่าบางทีก็มีพี่ๆ น้องๆ ที่รู้จักกับผู้วายชนม์มาช่วยกันทำหน้างาน มีบางทีที่จัดการแสดงเพื่อส่งพวกเขาอีกด้วย
เพื่อพิธีสวดเสร็จสิ้นก็เข้าสู่พิธีการทำฌาปนกิจซึ่งหลังจากนั้นญาติก็นำอัฐิไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
ขั้นตอนตั้งแต่การตามหาญาติและการจัดงานศพ นอกจากทำเพื่อให้ถูกต้องตามหลักกฎหมายแล้ว มันยังเป็นการพาคนที่เขารู้จักหรือสนิทสนมมาเจอกันครั้งสุดท้าย บางคนเป็นเพื่อนที่อยู่ไกลพอรู้ข่าวก็มาเจอกันได้ เป็นการบอกลาที่ทำให้พวกเขาไม่โดดเดี่ยวจนเกินไป
“มีเคสหนึ่งเราก็ตามหาไป มีเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของเขาก็มาร่วมงาน แล้วก็มีเพื่อนที่เคยนางโชว์ มาโชว์ให้เขาด้วย คือพวกเราก็ช่วยโดยไม่มีค่าตอบแทน ทุกคนมาด้วยกำลังใจ มาส่งเขาในวาระสุดท้าย” เตยทิ้งท้าย
