มีหลายเรื่องที่เราไม่รู้ แต่พ่อแม่ปู่ย่ารู้ และมีบางเรื่องที่เรารู้ แต่พ่อแม่ปู่ย่าไม่รู้ ไม่ใช่การยกผู้สูงอายุไว้บนหิ้ง หรือด้อยค่าว่าไม่ทันใคร แต่คือ “การเข้าใจ”และ “อยู่ร่วมกันโดยไม่ตัดสิน”
ในขณะที่หลายๆ ประเทศเริ่มเข้าสู่สังคมสูงอายุแบบเต็มตัว ‘ช่องว่างระหว่างวัย’ คือประเด็นร่วมในระดับสากลที่พูดถึงความต่างด้านความคิดของ พ่อแม่-ลูก ปู่ย่าตายาย-หลาน จนกลายเป็นภาวะการปฏิบัติที่กีดกันคนบางกลุ่มวัย หรือเรียกว่า ‘วยาคติ (Ageism)’ แก้ไข
ส่วนหนึ่งเพราะความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี หรือ Digital Divide ของคนต่างวัย โดยผู้สูงอายุอาจเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้คุ้นเคยกับเทคโนโลยีเท่าคนรุ่นใหม่ ที่เติบโตในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกช่วงจังหวะของชีวิต
ไดโนเสาร์ เต่าล้านปี มนุษย์ป้า มนุษย์ลุง ขี้บ่นเหมือนคนแก่…. คนจำนวนไม่น้อยจึงมีความคิดด้านลบต่อผู้สูงอายุในลักษณะนี้
หรือไม่ก็มีอคติอีกด้านหนึ่งคือ รายงานวิจัยโครงการสร้างสังคม DEE (Diversity, Equity and Empathy): ศึกษาสถานการณ์อคติต่อกลุ่มเปราะบางและสื่อสารเพื่อสร้างความตระหนักรู้ของสังคมโดยคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบว่า ‘เคารพแบบวางไว้บนหิ้ง’ คืออคติที่ผู้สูงอายุเผชิญ พวกเขาได้รับความเคารพ แต่ต้องอยู่เฉยๆ เพราะคนรอบตัวกลัวว่าจะเป็นอันตรายถ้าไปไหน หรือทำอะไรมากเกินไป
สังคมที่เต็มไปด้วยคนสูงอายุ ไม่ใช่การยกเขาไว้บนหิ้ง หรือด้อยค่าว่าไม่ทันใคร แต่พวกเขายังมีศักยภาพ และพลังอันล้นเหลือ หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้สูงอายุทำได้อีกมากมาย
มีหลายเรื่องที่เราไม่รู้ แต่พ่อแม่ปู่ย่ารู้
ในโลกของคนรุ่นใหม่ ความรู้หาได้ทุกที่ อยากทำอาหารก็แค่เปิดยูทูบ อยากซ่อมอะไรสักอย่างก็แค่ถามกูเกิล แต่พอถึงบางอย่าง เช่น “ทำไมแม่ซักผ้าถึงหอมแม้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มนิดเดียว” หรือ “ทำไมผัดผักยายไม่ดำ” คำตอบในอินเทอร์เน็ตกลับไม่เคยให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน
ในขณะเดียวกัน ในงานวิจัยของกรมส่งเสริมวัฒนธรรมปี 2566 พบว่ากว่า 60% ของผู้สูงอายุในไทยมี ‘ภูมิปัญญาชาวบ้าน’ หรือ ‘ทักษะเฉพาะตัว”’แต่มีเพียง 18% เท่านั้นที่ถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อยากสอน แต่เพราะ “ไม่มีใครอยากเรียน” แล้วต่างหาก
‘ภูมิปัญญาชาวบ้าน’ หรือ ‘ทักษะเฉพาะตัว’ เหล่านี้เป็นสิ่งที่โลกอินเทอร์เน็ตมีข้อมูลระบุไว้ แต่สำหรับการปฏิบัติจริงกลับไม่สามารถทำได้ นอกจากจะเรียนรู้จากคนจริงๆ หรืออาจจะเหมารวมถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อินเทอร์เน็ตมีบอกไว้แต่เราทำตามไม่ได้
‘แม่เมนูนี้ทำไง’ คือช่อง Tiktok ที่เจ้าของช่องโทรไปหาแม่เพื่อให้สอนทำกับข้าว คำอธิบายช่องระบุไว้ว่าเขาโทรไปให้แม่สอนทำกับข้าว เพราะบางอย่างเป็นเมนูที่คิดถึงและหาซื้อกินก็ได้รสชาติที่ไม่เหมือนกัน และอีกอย่างหนึ่งคือเป็นข้ออ้างให้เขาและแม่ได้คุยกัน
เช่นตัวอย่างบทสนทนาในคลิปของช่อง ‘แม่เมนูนี้ทำไง’
“แม่ สอนทำต้มมะระยัดไส้หมูสับหน่อย ทำยังไงไม่ให้ขม”
“ก็เริ่มจากที่เราไปซื้อมะระลูกอวบๆ ขาวๆ อย่าเขียวๆ นะ….ตั้งเตาแก๊สแล้วห้ามเปิดฝาเลยนะ”
ไม่ใช่แค่เรื่องการทำอาหาร แต่การเย็บผ้า ซ่อมเสื้อ ตอกตะปู เปลี่ยนหลอดไฟ หรือการรีไซเคิลเอาขวดเก่าไว้ใส่ดอกไม้ เอากระป๋องมาเป็นกระถาง ปู่ตา รู้วิธีรีไซเคิลโดยธรรมชาติ ตั้งแต่ก่อนคำว่า ‘รีไซเคิล’ จะเกิดเสียอีก
ผู้สูงอายุบางคนรู้ว่าฝนจะตกจากทิศทางลม กลิ่นดิน หรือเสียงนก รู้ฤดูกาลของผัก-ผลไม้ ว่าเดือนนี้ควรกินอะไร ปลูกอะไร หรือบางครั้งประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนานของผู้สูงอายุก็อาจกลายเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิตที่เราไม่รู้ แต่สามารถตกตะกอนจากพวกเขาได้ไม่ต่างกัน
เหมือนกับข้อคิดความรักของผู้สูงอายุ ที่กล่าวว่า “อกหักก็ไม่เห็นตาย ย่ายังอยู่ได้ แม้ว่าปู่จะเสียไปแล้ว”
มีบางเรื่องที่เรารู้ แต่พ่อแม่ปู่ย่าไม่รู้
ถึงแม้จะมีหลายเรื่องที่เราไม่รู้ แต่พ่อแม่ปู่ย่ารู้ แต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่เรารู้ แต่พ่อแม่ปู่ย่าไม่รู้เหมือนกัน
วิธีลงทะเบียนคนละครึ่งพลัส คือกรณีตัวอย่างที่คนรุ่นใหม่รู้ แต่ผู้สูงอายุไม่รู้ และไม่ใช่เรื่องผิดที่พวกเขาจะแสวงหาความช่วยเหลือจากลูกหลาน
การใช้สมาร์ตโฟน ใช้แอปพลิเคชัน และอินเทอร์เน็ต คือจุดที่ผู้สูงอายุต้องเรียนรู้เพิ่มเติม เนื่องจากการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน อาจจะเหมารวมถึงเรื่องการตื่นรู้เรื่องสิทธิ ความเท่าเทียม ความหลากหลายทางเพศ ที่ต้องใช้การปรับความเข้าใจระหว่างวัยไปพร้อมกัน
การเข้าใจว่า “แต่ละรุ่นรู้ต่างกัน” ไม่ใช่เพื่อเปรียบว่าใครเก่งกว่า แต่เพื่อให้เราหันมามองกันด้วยความเคารพ และอาจพบว่าการเรียนรู้ที่แท้จริง คือเมื่อเรายอมเรียนจากกันและกัน
เหมือนในภาพยนตร์ Minari (2020) ที่เล่าเรื่องถึงครอบครัวเกาหลีที่ต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในอเมริกา มีฉากหนึ่งที่ยายมานั่งดูหลานเล่นเกม เธอไม่เข้าใจเลยว่ามันสนุกตรงไหน แต่ก็พยายามนั่งอยู่ข้างๆ ฉากนั้นเรียบง่ายแต่ทรงพลัง เพราะมันแสดงให้เห็นว่า บางครั้ง ‘การเข้าใจ’ ไม่จำเป็นต้องมาจากการคิดเหมือนกัน แค่ อยู่ร่วมกันโดยไม่ตัดสิน” ก็เพียงพอ
อ้างอิง :
ช่องว่างระหว่างเรา: รู้จักกับ “วยาคติ” อคติระหว่างช่วงวัยของคนสองรุ่น https://lsed.tu.ac.th/published-message-content-39
รายงานวิจัยโครงการสร้างสังคม DEE (Diversity, Equity and Empathy): ศึกษาสถานการณ์อคติต่อกลุ่มเปราะบางและสื่อสารเพื่อสร้างความตระหนักรู้ของสังคม (หรือ โครงการสร้างสังคม DEE) โดยคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
