3 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับความรุนแรงในความสัมพันธ์

ความรุนแรงในความสัมพันธ์

เราควรยุ่งกับความรุนแรงในครอบครัวคนอื่นมั้ย?

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่รุนแรง คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมคนรอบตัวคุณไม่เข้ามาช่วยเหลือ แม้แต่ตัวคุณเองบางทียังเผลอคิดว่าคุณสมควรโดนแบบนั้นแล้ว ทำไมสังคมที่คุณอยู่ถึงมีความคิดว่าความรุนแรงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้กันนะ เพจ FFF มีข้ออ้าง 3 ข้อที่คุณมักได้ยินคนใช้สนับสนุนความรุนแรงมาอธิบายให้ฟัง

วันนี้ขอนำเสนอข้อแรกเลย คือ – ความรุนแรงเป็นเรื่องส่วนตัว – คนนอกไม่ควรยุ่ง หลายครั้งที่คนที่ชอบใช้ความรุนแรงกับคุณเขาวางตัวดีมากกับคนอื่น พอคุณเล่าว่าเขาทำกับคุณยังไงบ้างให้คนนอกฟัง คนนอกก็อคติและไม่เชื่ออยู่ในใจ คิดว่าคนเก่ง คนดี น่าเคารพนับถือแบบเขา จะจัดการปัญหาในบ้านยังไงก็ตาม เขาคงคิดดีแล้ว คุณปรับตัวซะ ทำตัวเชื่อฟัง เขาก็จะหยุดทำร้ายคุณไปเอง

ถึงแม้ว่าความรุนแรงนั้นจะชัดเจนมาก เช่น ตบตีทำร้ายคนในครอบครัว แต่สังคมก็ยังคิดว่าการเอาคนนอกเช่นตำรวจ เข้าไปยุ่ง มีแต่จะทำให้ครอบครัวล้มเหลว คนในบ้านจัดการกันเองดีกว่า ค่อยๆ คุยกันก็เข้าใจกันได้เอง สถาบันครอบครัวต้องรักษาไว้ ต่อให้มันจะผุพังยังไงก็ตาม

ในความจริงแล้ว คนที่ใช้ความรุนแรงกับคนอื่น มักจะทำซ้ำๆ มีช่วงดี ช่วงแย่ ไม่มีอะไรรับประกันว่าคุยกันดีๆ วันนี้แล้วในอนาคตเขาจะไม่ทำคุณอีก ตัวคุณเองที่พยายามออกมาขอความช่วยเหลือในตอนแรก พอถูกสังคมปฏิเสธ ให้ไปเคลียร์กันเองซ้ำๆ ก็อาจจะเลิกขอความช่วยเหลือไปเลยก็ได้ ผลกระทบต่อสุขภาพใจและกายก็จะทับถมกันไปเรื่อยๆ

ส่วนในโพสต์ถัดไป เราจะมาพูดถึง “ความหึงหวง” ที่มักเป็นข้ออ้างให้เกิดพฤติกรรมใช้ความรุนแรงในคู่รัก ใครมีประสบการณ์อย่างไรมาเล่าให้ฟังกันได้นะคะ

ความรุนแรงในความสัมพันธ์

การใช้ความรุนแรงเพราะความหึงหวงเป็นเรื่องปกติจริงหรือ?

วันนี้ขอเสนอ ข้ออ้างพบบ่อยในการสนับสนุนความรุนแรง ข้อที่สอง คือ – ความหึงหวง – ในช่วงแรกๆ คุณอาจคิดว่ามันก็โรแมนติกดี เขาคงรักคุณมาก เขาถึงได้หวงขนาดนั้น ห้ามคุณกลับบ้านดึก พูดจารุนแรง เช็คว่าคุณมีความสัมพันธ์อะไร ยังไง กับใคร ไปจนถึงโมโหใส่คุณ พลั้งมือทำร้ายคุณเพราะจินตนาการไปเองว่าคุณแอบทำอะไรที่เขาไม่ชอบลับหลังเขา บางคนอาจทำร้ายตัวเองเพื่อบังคับให้คุณทำตามที่เขาต้องการ หรือบางคนใช้วิธีการทำลายข้าวของ

ไม่ว่าคุณจะอธิบายยังไง เขาก็ไม่เชื่อ อย่างเดียวที่จะทำให้เขาเชื่อได้คือทำตามความต้องการของเขา ซึ่งข้อเรียกร้องมักจะค่อย ๆ มากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ และบงการชีวิตคุณมากขึ้นเรื่อย ๆ จำกัดการใช้จ่ายเงินของคุณ ทำให้คุณไม่มีอิสระ จากทำแค่ตอนอยู่กันสองคน ก็ค่อยๆ บังคับบงการคุณต่อหน้าคนอื่น ต่อหน้าเพื่อนของคุณ เพื่อนร่วมงาน ถึงพวกเขาจะเห็นก็แกล้งทำเป็นไม่เห็น หรือหัวเราะใส่มัน

บางคนอาจจะถึงกับแซวว่าอยากมีแฟนขี้หึงแบบนี้บ้าง ในละครไทยหลายเรื่องก็มีฉากพระเอกหึงหวงนางเอก จับนางเอกปล้ำ กระชากแขนกักขังนางเอกบ้าง แล้วคนดูก็ฟินตาม

ในความเป็นจริงมันไม่โรแมนติกเลยนะ มันทำร้ายจิตใจ ทำให้อึดอัดใจ หมดความเคารพเชื่อมั่นในตัวเอง นานๆ ไปจะส่งผลเสีย

ต่อสภาพจิตใจมากขึ้นๆ ได้ เขาเองอาจจะค่อยๆ พัฒนาวิธีการทำร้ายเราไปเป็นการลงไม้ลงมือในวันหนึ่งก็ได้ กว่าครึ่งของความรุนแรงระหว่างคู่รักมาจากความหึงหวงเนี่ยแหละ เหมือนอย่างพาดหัวข่าวที่เราเห็นกันบ่อยๆ เช่น “แฟนหึงโหด ยิงสาวคู่รักดับคาที่”

สำหรับใครที่มีปัญหาหึงหวงคนรักจนเผลอทำร้ายเขา จะทางใจหรือทางกายก็ตาม คุณควรเลิกอ้างข้ออ้างทุกอย่าง หยุดควบคุมคนรัก มันไม่ใช่การแสดงความรัก มันคือความเห็นแก่ตัว คุณควรหันมาควบคุมตัวเอง และสร้างความเชื่อใจ ความเคารพซึ่งกันและกัน ถ้าคุณไม่เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ สักวันหนึ่งตัวคุณเองนั่นแหละที่จะเป็นต้นเหตุให้รักครั้งนี้พังทลายลง

ความรุนแรงในความสัมพันธ์

ความรุนแรงนั้นสมเหตุสมผลเมื่อใช้เพื่อการลงโทษจริงหรือ?

อีกหนึ่งข้ออ้างที่เรามักพบเวลามีคนบอกว่าความรุนแรงนั้นสมเหตุสมผล คือ การใช้ความรุนแรงเพื่อ – ลงโทษ – เราเห็นกันได้บ่อยในความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ คุณครูกับนักเรียน กรณีล่าสุดที่ดังมากตอนนี้ คือ กรณีคุณครูโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านราชพฤกษ์ จิกหัว ผลักนักเรียนอนุบาล ห้ามไม่ให้ดื่มน้ำ บังคับทานข้าวแค่ 10 นาที ห้ามเข้าห้องน้ำ ฯลฯ

เราอาจจะเคยชินกับการ -ลงโทษ – แบบนี้ เพราะผู้ใหญ่มักให้เหตุผลว่า ก็อยากให้ได้ดี รักวัวให้ผูก รักลูกต้องตีหนักๆ เด็กที่เติบโตมากับไม้เรียวจะโตมาอย่างมีคุณภาพ

จริงเหรอ? การลงโทษด้วยความรุนแรงแบบนี้มีแต่จะทำให้คนที่ถูกลงโทษบาดเจ็บทางร่างกายและจิตใจ เด็กๆ หลายคนเติบโตมาพร้อมปัญหาทางอารมณ์ และที่สำคัญคือ มันผิดกฏหมาย ต่อให้คุณทำความผิดจริงๆ คุณก็ไม่สมควรลงโทษด้วยความรุนแรงแบบนี้

การใช้ความรุนแรงเพื่อลงโทษไม่ได้มีแค่การทุบตีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปล่อยปละละเลย ขังในห้อง ไม่ให้เงินใช้ เพิกเฉย การเเบนเพื่อนก็ถือเป็นความรุนแรงนะ ตามละครไทยที่เราเห็นกันบ่อยๆ ก็มักจะให้ผู้หญิงไม่ดีในละครต้องโดนข่มขืนเป็นการลงโทษ คนดูก็จะสะใจ คิดว่าสาสมแล้ว โดยลืมไปเลยว่าการข่มขืนคนอื่นเป็นอาชญากรรม

ข้ออ้างทั้ง 3 ข้อนี้ เป็นความเชื่อที่ผิด ความรุนแรงเป็นปัญหาสังคม ปัญหาทางการเมือง และเป็นสิ่งผิดกฏหมาย เป็นอาชญากรรมที่รุนแรงไม่ต่างจากอาชญากรรมแบบอื่นๆ คนที่เห็นมันแล้ววางเฉย = สนับสนุนความรุนแรงนะ

ถ้าคุณพบเห็นใครที่กำลังเจอกับความรุนแรง คุณควรยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ถ้าคุณได้ยินเรื่องราวความรุนแรง คุณควรวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความไม่เห็นด้วย หรืออย่างน้อย อย่าหัวเราะเวลาเห็นมันหรือคิดว่ามันโรแมนติกดีเด็ดขาด

ถ้าไม่เริ่มต่อต้านความรุนแรงตั้งแต่ตอนนี้ วันหนึ่งในอนาคต คุณอาจจะได้รับผลกระทบจากมัน หรือกลายเป็นเหยื่อเสียเองก็ได้นะ

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบุข้อความ