“บ้านอิ่มใจ” ที่พักพิงและพึ่งพายามยากของคนไร้บ้าน
“บ้านอิ่มใจ” ที่พักพิงและพึ่งพายามยากของคนไร้บ้าน
.
หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินคำว่า “คนไร้บ้าน” แต่นิยามที่ชัดเจนนั้นความหมายอย่างกว้างครอบคลุมทั้งผู้คนที่อาศัยพื้นที่สาธารณะเป็นบ้าน และผู้คนที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง แต่คนไร้บ้านไม่ได้อยู่แค่ในพื้นที่สาธารณะ ยังมีคนไร้บ้านที่อยู่ตามศูนย์พักพิงต่าง ๆ เช่น ศูนย์พักพิงที่บริหารจัดการโดยเครือข่ายคนไร้บ้านและภาคประชาสังคม โดยหลัก ๆ คือ คนที่ขาดศักยภาพในการพึ่งพาตัวเองให้เข้าถึงปัจจัยพื้นฐาน จนต้องออกมาเร่ร่อนไปยังสถานที่ต่าง ๆ
.
น่าสนใจว่างานวิจัยของ สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่ายในปี 2562 นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวว่า สสส.มีความมุ่งมั่นให้คนไร้บ้านได้ลุกขึ้นช่วยเหลือตัวเองได้ จึงสนับสนุนให้เกิดการแจงนับดังกล่าว ซึ่งเมื่อได้ผลแจงนับมาแล้ว เราจะนำข้อเท็จจริงมาพูดคุยกัน ในงานวิจัยดังกล่าวยังบอกอีกว่า“คนไร้บ้าน” เป็นเพียงผลลัพธ์หนึ่งของสภาพสังคมและเศรษฐกิจ จะด้วยความกดดัน เครียดจากความยากจน ถูกกระทำความรุนแรง ไร้การเหลียวแลจากครอบครัว และเข้าไม่ถึงสิทธิและบริการของรัฐ
.
คุณอนรรฆ พิทักษ์ธานิน ผู้จัดการแผนงานพัฒนาองค์ความรู้คนไร้บ้านฯ สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองประเด็นนี้ว่า เวลาพูดถึงประเด็นคนไร้บ้านต่างประเทศ ประเด็น “ที่อยู่อาศัยจะต้องมาอันดับแรก” เพราะถ้าหากการที่เกิดคนไร้บ้านที่ต้องอยู่โดยไม่มีที่พำนัก มีผลกระทบทางสุขภาพกายและสุขภาพจิต และยิ่งกลายเป็นไร้บ้านนานมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งกลับมาใช้ชีวิตปกติยากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นนโยบายที่อยู่อาศัยจึงเชื่อมโยงกับมิติของสุขภาพและสุขภาพจิตด้วย
.
ในส่วนสังกัด กทม. เองเคยมี “บ้านอิ่มใจ” เคยมีแต่ได้ปิดตัวไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน โดยก่อนหน้าเมื่อเป็นที่พักฉุกเฉินเพื่อรองรับคนที่กลายเป็นคนไร้บ้านฉุกเฉิน เหมือนคนที่ต้องตกงานกระทันหัน หรือเพิ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัดไม่มีที่พักสามารถเข้ามาอยู่ได้ บ้านอิ่มใจจึงเป็นเหมือนฟูกที่รองรับไม่ให้ร่วงหล่นให้คนกลุ่มเปราะบางกลายเป็นคนไร้บ้านนี่คือหัวใจหลักของโครงการดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้บ้านอิ่มใจมีสองโซนคือโซนผู้หญิงและผู้ชาย แต่เดิมตั้งที่ประปาแม้นศรีรองรับได้ 300 คน มีทั้งพื้นที่พักพิงและพื้นที่ซักผ้าเพื่อสุขอนามัยที่ถูกต้อง
.
คุณอนรรฆ ยกตัวอย่างว่า บ้านอิ่มใจ นี้คือโครงสร้างขั้นพื้นฐานของสังคม ซึ่งไปสอดคล้องกับนโยบาย ผู้ว่าฯกทม.ที่มีแพลนในการรองรับใน 216 นโยบายที่ได้แพลนไว้ คุณอนรรฆยกตัวอย่างในฝรั่งเศสใช้พื้นที่สวนสาธารณะในการเป็นที่พักพิง และใช้ความรู้ในเชิงสถาปัตย์ในการดีไซน์ให้กลมกลืนกับพื้นที่กลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่คนอยากจะมาเยือน หรือ ในเยอรมันก็มีทั้งส่วนที่รัฐทำเอง และการดึงภาคประชาสังคมมากร่วมทำ หากมองกลับมาที่ประเทศไทยกทม.เองก็อาจจะดึงความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามาช่วยทำในเรื่องนี้ได้เช่นกัน
.
ข้อเสนอเรื่องบ้านอิ่มใจรูปแบบใหม่ของอนรรฆ คือ บ้านอิ่มใจสามารถไปไกลกว่าที่พักพิงฉุกเฉินได้ โดยต้องปรับตัวรับมือกลุ่มเปราะบางใหม่ ๆ ได้โดยเฉพาะคนไร้บ้านหน้าใหม่ที่เกิดจากผลกระทบโควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้น ที่กลุ่มคนเหล่านี้อาจจะต้องพึ่งพาในระยะ 1-2 ปี โดยมีเรื่องที่ต้องทำคู่กันไปในการสร้างโอกาสเช่น การทำ Job matching ให้กับคนที่พักพิงเพื่อให้มีโอกาสสร้างตัว และสามารถออกไปเช่าห้องของตัวเองได้ โดยอาจจะเริ่มไต่เต้าไปอยู่บ้านเช่าคนละครึ่ง “แชร์ค่าเช่า”ของ สสส. ที่สนับสนุน แล้วค่อยขยับขยายในโอกาสต่อไป
.
สำหรับพื้นที่ใหม่ของบ้านอิ่มใจในมุมมองของอนรรฆ ชี้ว่าอาจจะไม่สถานที่ใหญ่ที่เดียวแบบที่ประปาแม้นศรี แต่อนาคตความเปราะบางของเมืองจะกระจายไปมากขึ้น อาจจะปรับเป็นการที่มีบ้านอิ่มใจกระจายหลาย ๆ จุดมากขึ้น โดยใช้พื้นที่ที่รกร้างของกทม.มาสร้างประโยชน์สูงสุด เช่น การพัฒนาจุดพักพิงใต้ทางด่วนต่าง ๆ หรือ พื้นที่ตึกว่างในราชดำเนินทาง กทม.ก็อาจจะไปขอเช่าเพื่อนำมาบริหารจัดการได้ สิ่งเหล่านี้หากทำได้ทั้งหมดเชื่อว่า เรื่องสถานการณ์คนไร้บ้านไทยต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
.
#บ้านอิ่มใจ #คนไร้บ้าน
เเหล่งที่มา : https://www.facebook.com/curiouspeople.me