‘วิน – วิน’ จ้างงานคนพิการ : คนจ้างได้งาน คนพิการได้ใช้ชีวิต

“ถ้าเป็นอะไรที่เราชอบ มันถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว”

ตอนนี้สิ่งที่ ‘กวาง’ เพทาย เจริญดี เจ้าหน้าที่สื่อสารเพื่อสังคม มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม ชอบก็คือการทำงาน เธอบอกว่าชอบตรงที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนๆ คนพิการด้วยกันในการหางาน หน้าที่ของกวางคือส่งเสริมและสื่อสารให้คนพิการเข้าถึงอาชีพผ่านมาตรา 35 ซึ่งเป็นมาตราที่พูดถึงการส่งเสริมอาชีพคนพิการในรูปแบบอื่น หนึ่งในนั้นคือการจัดจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการ สั้นๆ ก็คือเป็นการจ้างงานคนพิการในรูปแบบเหมาที่มีระยะเวลาจำกัด

นอกจากมาตรา 35 ที่สามารถใช้เป็นช่องทางจ้างงานคนพิการได้แล้ว ยังมีมาตรา 33 ที่ระบุว่า นายจ้างที่มีลูกจ้าง 100 คนขึ้นไป ต้องจ้างคนพิการในอัตราส่วน 100 คน ต่อคนพิการ 1 คน เงินเดือนเริ่มต้นตามค่าแรงขั้นต่ำ เพิ่มขึ้นตามวุฒิการศึกษาและความสามารถ

นี่ไม่ใช่งานแรกในชีวิตของกวาง เธอเคยทำงานอยู่แผนกต้อนรับให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ด้วยความที่เป็นคนชอบเรียนรู้ กวางอาศัยครูพักลักจำจากคนรอบตัวเลยทำให้เธอย้ายไปทำด้านธุรการฝ่ายขาย (Sales Admin)

กวางเล่าว่าเงินเดือนในตอนนั้นก็ถือว่าใช้ได้ เธอมีเงินมากพอสำหรับการเก็บออมและใช้จ่ายประจำวัน แต่แล้วกวางก็ต้องออกจากงานเดิมเนื่องจากปัญหาเรื่องสุขภาพ กวางไม่ใช่คนพิการตั้งแต่กำเนิด เธอเล่าว่าโดนรถชนตั้งแต่เด็กเลยทำให้กลายเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหว อุบัติเหตุส่งผลกระทบกับไต ทำให้ไตไม่สามารถทำงานได้ปกติเหมือนคนทั่วไปอีกด้วย

กวางต้องไปฟอกเลือดวันเว้นวันจึงทำให้แนวทางการทำงานของบริษัทเอกชนที่ต้องใช้เวลาเต็มๆ ไปกับการทำงานไม่ตอบโจทย์กวางสักเท่าไหร่ กวางจึงตัดสินใจลาออกและพักผ่อน หลังจากจึงได้มาเริ่มงานครั้งใหม่ที่มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม ตอนนี้กวางทำงานที่นี่ได้ 4 ปีแล้ว

“งานที่ทำอยู่จะเกี่ยวกับการใช้มาตรา 35 เป็นการขับเคลื่อนให้คนพิการในพื้นที่มีงานทำใกล้บ้าน เขาไม่ต้องเดินทางผจญภัยอยู่ในกรุงเทพฯ หรือว่าอยู่ในพื้นที่ต่างแดน เพราะจะลำบากเรื่องของการเดินทาง การอยู่อาศัย เราหาหน่วยงานที่พร้อมรับคนพิการเข้าทำงาน และเรามีระบบที่จะติดตามว่าเขาทำงานเป็นยังไง”

สกิลเดิมที่กวางมีติดตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรคือการใช้โปรแกรมตัดต่อรูป ทำกราฟิก หลังจากทำงานที่แรกก็มีเรื่องของทักษะงานธุรการมาด้วย กวางเล่าว่าสิ่งที่เธอเพิ่งได้หลังจากทำงานที่มูลนิธิฯ คือ ความรู้ด้านการจัดการเอกสาร ซึ่งเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับกวางมากๆ นอกจากนี้ยังมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจ้างงานคนพิการที่กวางได้มาเพิ่ม ซึ่งข้อนี้ก็ดีตรงที่เธอสามารถนำมาใช้กับตัวเองได้ด้วย

นอกเหนือจากนี้ยังมี ‘Soft Skill’ (ทักษะทางสังคม) ที่กวางได้มาเพิ่ม ทั้งทักษะการสื่อสารจากการคุยกับนายจ้างและคนพิการ ทักษะการเข้าสังคมจากการที่ต้องทำความรู้จักคนใหม่ๆ ตลอดเวลา และทักษะการประชาสัมพันธ์

“ก่อนหน้านี้เราเป็นคนเงียบๆ เลย (หัวเราะ) พอมางานนี้มันตรงกันข้ามกัน เราต้องออกกล้อง ประชาสัมพันธ์ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เพื่อที่เราจะได้ประชาสัมพันธ์งานให้เพื่อนคนพิการรับทราบ กิจกรรมพวกนี้ทำให้เรากล้าแสดงออกมาก”

นอกเหนือทักษะที่ได้มา เงินเดือนก็ถือว่าสำคัญไม่แพ้กัน กวางเล่าจริงๆ แล้วค่าใช้จ่ายของพิการเยอะกว่าคนทั่วไปในบางส่วน ซึ่งมักจะเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าที่อยู่อาศัย เพราะคนพิการมีข้อจำกัดด้านร่างกาย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกที่ที่จะออกแบบมาให้คนพิการเข้าใช้งานด้วย

“คนพิการจะขึ้นรถเมล์ก็ลำบากนะ หรือว่าขึ้นรถไฟฟ้า พอลงปุ๊บ จุดที่เราจะไปมันก็ไม่ได้เชื่อมต่อกันอีก ทางเท้าบางที่ก็ไม่มีหรือใช้งานไม่ได้ บางทีก็ต้องเข็นวีลแชร์ไปอีกไกล บางทีต้องต่อรถ เราเลยใช้การเดินทางแบบแท็กซี่ส่วนใหญ่”

“คนพิการจะเช่าที่อยู่ก็ต้องเลือกบ้านหรือหอพักที่มีลิฟต์ ซึ่งมันก็จะแพงเพราะว่าเราไม่สามารถขึ้นบันไดได้”

เพราะฉะนั้นเงินเดือนจึงจำเป็นต่อชีวิตคนพิการ นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายจำเป็นอย่างค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าอยู่ กวางบอกว่าก็มีเงินพอเหลือไว้สำหรับเก็บออม และซื้อของตามใจตัวเองบ้าง สิ่งเหล่านั้นคือการซื้อความบันเทิงตามแอปพลิเคชันดูหนังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเน็ตฟลิกซ์หรือดิสนีย์พลัส กวางบอกว่าบางทีก็ซื้อไว้โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้ดูไหม แต่ก็มีไว้ก่อนเผื่อมีเวลาว่างมาดู

กวางเล่าว่าส่วนที่ชอบที่สุดของงานนี้ คือการได้ช่วยเหลือเพื่อนคนพิการด้วยกัน เธอเองเป็นหนึ่งคนที่ได้โอกาสจากการทำงานมาแล้ว เธอคิดว่าคงจะเป็นเรื่องดีที่จะได้ส่งต่อโอกาสให้คนอื่นต่อไป

“ภาพจำของคนพิการคือกลุ่มคนที่รอคอยความช่วยเหลือ แบมือขออย่างเดียว แต่เราคิดว่าคนพิการก็เป็นผู้ให้ได้เหมือนกัน”

การทำงานคือการออกมาใช้ชีวิต

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีคนพิการวัยทำงานอยู่ 802,990 คน มีมากถึง 47% ที่ไม่ได้ประกอบอาชีพ

งานของกวางคือการส่งเสริมให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงอาชีพได้มากขึ้น กวางเล่าว่าเธออยากสร้างความมั่นใจให้กับคนพิการด้วย เพราะมีหลายคนที่พอหางานไม่ได้ หรือไม่ได้ทำงานนานๆ ก็รู้สึกสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไป ทำให้ไม่กล้าสมัครงานใหม่ หรือไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตข้างนอกเลย

“ยิ่งคนพิการไปใช้ชีวิตข้างนอกเยอะขึ้น ก็เท่ากับว่าทำให้คนทั่วไปเห็นคนพิการมากขึ้น เขาก็จะได้เข้าใจ เขาก็จะได้ชินกับเรา ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เจอเพื่อนจากการออกมาเดินเล่นข้างนอกก็ได้นะ”

กวางเล่าว่าเธอเป็นหนึ่งคนที่มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ถึงขั้นที่ว่าหมอเคยบอกว่าเธออาจจะมีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน กวางบอกว่าตอนนี้มันก็เลยระยะเวลาที่หมอบอกไว้นานแล้ว เธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเหตุผลคืออะไร ทุกวันนี้กวางก็ยังคอยเข็นวีลแชร์พาตัวเองไปทำงาน ไปพบเจอคนใหม่ๆ ถนนเส้นใหม่ๆ เพื่อหาว่าเส้นทางไหนที่เหมาะกับคนพิการอย่างเธอมากที่สุด

“เราเข้าใจเลยว่าชีวิตไม่ได้มีเพื่อรอวันจากไป แต่เราใช้ชีวิตเพื่อที่จะรู้ว่าเส้นทางไหนเหมาะกับเราต่างหาก”

กวางย้ำว่าอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือการพัฒนาทักษะตัวเองให้เข้ากับตลาดงาน ในส่วนนี้ทางมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมก็มีการสนับสนุนทักษะให้กับคนพิการอีกด้วย

ชีวิตของคนพิการอย่างกวางและคนอื่นๆ อาจจะเต็มไปด้วยอุปสรรคก็จริง แต่กวางก็ไม่อยากให้ทุกคนปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกจนเกินไป เธอเชื่อว่าอุปสรรคทุกอย่างจะทำให้เราโตขึ้นและเรียนรู้ได้มากขึ้น

“คนพิการเวลาเดินทางจะต้องอ้อมกว่าคนทั่วไป ดูอย่างลิฟต์ที่มันจะอยู่ไกลกว่าบันได นี่ก็เป็นอุปสรรคนะ แต่ถ้าผ่านมันมาได้ คุณจะไม่ชมตัวเองเหรอว่าคุณเจ๋งแค่ไหน คุณเก่งแค่ไหนที่หาทางเดินที่เหมาะกับตัวเองได้” กวางทิ้งท้าย

Shares:
QR Code :
QR Code