วิทยุนับเราด้วยคน
- วิทยุนับเราด้วยคน
กิจกรรมภาคี
- กิจกรรมภาคี
“วิ่งด้วยกัน” ปี68 คึกคัก! ตอกย้ำความเสมอภาค กรุงไทย-แอกซ่า-สสส. สานพลัง ภาคีเครือข่ายสื่อสารสุขสร้างสังคมที่เข้าใจ ชวนนักวิ่งคนพิการ-ไม่พิการ กว่า 1,700 คน วิ่งสร้างเสริมสุขภาพสู่ปีที่ 11 พัฒนาศักยภาพกายคนพิการ ก้าวข้ามขีดจำกัดอย่างเท่าเทียม เกิดชุมชนนักวิ่งคนพิการ กว่า 10,000 คน เมื่อเวลา 04.00 น.วันที่ 2 มี.ค. 2568 ที่ สนามกีฬาแห่งชาติ บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) มูลนิธิด้วยกันเพื่อคนพิการและสังคม บริษัท กล่องดินสอ จำกัด คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรมพลศึกษา จัดงาน “วิ่งด้วยกัน Bangkok 2025” ก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 สร้างพื้นที่สุขภาวะให้คนพิการ และบุคคลทั่วไปเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีคนพิการและไกด์รันเนอร์ อาสาสมัคร เข้าร่วมกว่า 1,700 คน ในจำนวนนี้มีคนพิการ 490 คน นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พม. กล่าวว่า พม. ในฐานะตัวแทนองค์กรภาครัฐที่มีภารกิจในการส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ การคุ้มครอง ส่งเสริมสิทธิและสวัสดิการของคนพิการ รวมถึงการสร้างโอกาส และความเสมอภาคให้แก่คนพิการ รู้สึกยินดีที่ได้เห็นกิจกรรมในสังคมที่คนพิการสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ ทั้งยังเป็นงานการส่งเสริมดูแลสุขภาพกาย สร้างความสัมพันธ์ที่ดี เพื่อให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งสิ่งสำคัญมากไปกว่าการวิ่งด้วยกัน คือ การสร้างพลัง สร้างความสัมพันธ์ที่ดี เพื่อเกิดการยอมรับและเห็นถึงศักยภาพ และคุณค่าของคนพิการอย่างแท้จริง คุณณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนกิจกรรมวิ่งด้วยกัน Bangkok 2025 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นการสร้างมิตรภาพของคนพิการ และคนไม่พิการ ผลักดันนโยบายความเท่าเทียม และความหลากหลาย (Inclusion and Diversity) ของทุกๆ คนในสังคม ที่บริษัทฯ ยึดมั่นมาโดยตลอด นอกจากนี้บริษัทฯ มุ่งมั่นเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการสนับสนุน สร้างความตระหนักรู้ในสังคมที่คนพิการ และคนไม่พิการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทั้งนี้ทาง กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต มีความห่วงใย เพิ่มความมั่นใจให้กับทุกคน โดยมอบประกันกลุ่มเพื่อคุ้มครองอุบัติเหตุและการเสียชีวิต ให้กับนักวิ่ง ตลอดจนอาสาสมัครทุกคน นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า งานวิ่งด้วยกัน Bangkok 2025 เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อให้ทั้งคนพิการและคนทั่วไปได้มีโอกาสมาวิ่งร่วมกัน ซึ่งเริ่มต้นในปี 2558 ที่มีเพียงกลุ่มเล็กๆ 12 คน วิ่งในสวนสาธารณะ แต่จากการที่คนพิการและอาสาสมัครได้เข้าร่วมต่อเนื่อง ทำให้กิจกรรมนี้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นำมาสู่การจัดงาน “วิ่งด้วยกัน” ทุกปี ขยายผลจัดกิจกรรมใน 14 จังหวัดทั่วประเทศ และยังมีเครือข่ายต่างประเทศอีก 2 แห่ง ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 10,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีคนพิการทุกประเภท ทุกวัย มากกว่า 5,000 คน และเป็นที่น่ายินดีที่ภาคเอกชน กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ให้ความสำคัญเข้ามามีส่วนร่วมหลักของกิจกรรม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 แสดงให้เห็นถึงทิศทางของสังคมไทย ที่เริ่มเปิดโอกาสในคนพิการได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งอย่างเท่าเทียม “สสส. มุ่งเน้นที่จะส่งเสริมสุขภาพของคนพิการ และเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่มีต่อคนพิการ ลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้สังคมได้เห็นศักยภาพของคนพิการที่สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดทางร่างกายได้ รวมทั้งเป็นโอกาสให้คนพิการและคนทั่วไปได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน โดยสร้างเครือข่ายระหว่างคนพิการ อาสาสมัคร ผู้ดูแล สามารถอยู่ร่วมกันได้ในสังคมเดียวกัน ทั้งนี้ สสส. และมูลนิธิด้วยกันฯ จัดให้มีการซ้อมวิ่งร่วมกับคนพิการ และไกด์รันเนอร์เดือนละ 1 ครั้ง เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับคนพิการ และคนไม่พิการได้มารู้จักการวิ่งด้วยกัน สามารถนัดซ้อมกันเอง เพื่อมีเป้าหมายมาร่วมงานวิ่งประจำปี และพัฒนาจัดทำChecklist งานวิ่งที่รองรับคนพิการ สำหรับผู้ที่สนใจงานวิ่ง สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Facebook วิ่งด้วยกัน Fanpage” นพ.พงศ์เทพ กล่าว นายอานันท์ ฉันทันต์ นักวิ่งตัวแทนเพื่อนคนพิการทุกประเภท กล่าวว่า ผมเริ่มออกกำลังกายและเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งด้วยกัน มา 10 ปีแล้ว ตั้งแต่เป็นกิจกรรมวิ่งด้วยกันเล็กๆ ที่จัดขึ้นด้วยการสนับสนุนจาก สสส. ชวนคนพิการทางการเห็นมาออกกำลังกาย โดยมีเพื่อนๆ คนไม่พิการมาเป็นไกด์รันเนอร์ให้ หลังจากนั้นได้ขยายกิจกรรมออกไป เป็นทุกวันเสาร์แรกของเดือน และมีเพื่อนๆ ทุกประเภทความพิการมาเข้าร่วมมากขึ้น ปัจจุบันผมสามารถวิ่งจบฟูลมาราธอน 42 กิโลเมตร และมีเพื่อนที่เป็นคนตาบอด เพื่อนหูหนวก วิ่งจบ 100 กิโลเมตรได้สำเร็จ วิ่งด้วยกัน คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนพิการหลาย ๆ คนเปลี่ยนความคิด กล้าออกมาใช้ชีวิต…
สสส. สานพลัง 4 เครือข่ายร่วมกัน ส่งเสริม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาความรุนแรงบนฐานเพศในพื้นที่ภาคใต้ หลังพบระบบการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความรุนแรงยังมีช่องว่าง ในวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่โรงแรมคริสตัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ เครือข่ายมุสลิมมลายู มูลนิธิเพื่อนหญิง เครือข่าย Joint Project และเครือข่ายวิชาการวิชาชีพ จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงบนฐานเพศในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 73 คน เพื่อเสริมศักยภาพ พัฒนาแนวทางการดำเนินงาน และสานพลังภาคีเครือข่ายเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงบนฐานเพศในภาคใต้ คุณภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9) สสส. เป็นหนึ่งองค์กรที่มีเป้าหมายสำคัญในการลดความรุนแรงอันเนี่องมาจากเหตุแห่งเพศและความรุนแรงในครอบครัว รวมไปถึงการผลักดันประเด็นความรุนแรงให้เป็นประเด็นสาธารณะ ผ่านยุทธศาสตร์การทำงาน 5 ด้าน คือ 1. พัฒนาองค์ความรู้ งานวิชาการ และแนวปฏิบัติในการลดความรุนแรง 2. พัฒนาต้นแบบ กระบวนการ นวัตกรรมในการลดความรุนแรง 3. พัฒนาและเสริมศักยภาพแกนนำ/เครือข่ายในการลดความรุนแรง 4. สนับสนุนและพัฒนาขับเคลื่อนนโยบายในการลดความรุนแรง และ 5. พัฒนาเครื่องมือสื่อสารเพื่อสร้างทัศนคติในการลดความรุนแรง โดย สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9) ร่วมดำเนินงานกับภาคีเครือข่าย 6 องค์กร ได้แก่ สมาคมเพศวิถีศึกษา มูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม มูลนิธิเพื่อนหญิง มหาวิทยาลัยมหิดล UNDP และ UNFPA ปัจจุบันมีพื้นที่ดำเนินงานใน 15 จังหวัด กระจายทั่วภูมิภาคในประเทศไทย รวมไปถึงพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ความซับซ้อนทางวัฒนธรรม ศาสนา และสังคม สำนัก 9 จึงจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานเพื่อส่งเสริม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาความรุนแรงบนฐานเพศในพื้นที่ภาคใต้ โดยมุ่งเน้นการการพัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานเพื่อการส่งเสริม ป้องกัน และแก้ไขปัญหา การเชื่อมร้อยภาคีเครือข่ายในพื้นที่จาก 5 จังหวัด ได้แก่ สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส และการพัฒนาแนวทางการสนับสนุนการดำเนินงานในพื้นที่จาก สสส. และภาคีเครือข่าย โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรจาก มหาวิทยาลัยมหิดล สมาคมเพศวิถีศึกษา และ UNFPA
สสส. สานพลัง สสป. หนุนเสริมการจัดบริการทางสังคมโดยภาคประชาสังคมผ่านเครือข่ายรักจังสตูล โดยจัดตั้งศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตมุสลิมะห์ตามวิถีอิสลาม (ศพม.) ใน ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล เพื่อให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ และส่งต่อผู้ประสบปัญหาความรุนแรงไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ช่วยสร้างโอกาสให้ผู้หญิงมุสลิมะห์เข้าถึงการช่วยเหลือ และสร้างเสริมสภาพจิตใจ ให้รู้คุณค่าและรักตนเองมากขึ้น เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15.00 น. ที่ ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตมุสลิมะห์ตามวิถีอิสลาม (ศพม.) ใน ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล คณะกรรมการกำกับทิศทางการลดความรุนแรงบนฐานเพศ และการสร้างเสริมสุขภาวะกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ และคณะกรรมการกำกับทิศทางงานบูรณาการเครือข่าย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ และภาคีเครือข่าย เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดบริการทางสังคม เพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงโดยภาคประชาสังคม ผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ฯ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล กำนัน คณะกรรมการอิสลาม และอื่น ๆ ร่วมกัน คุณภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9) มีเป้าหมายการทำงานเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพ ผ่านยุทธศาสต์การทำงาน 5 ด้าน โดยมีด้านพัฒนาศักยภาพภาคีและสานพลังภาคีเครือข่ายเป็นหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมาย ผ่านการสนับสนุนการทำงานสร้างเสริมสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และภาคประชาชนผ่านแผนงานและโครงการต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและพันธกิจของ สสส. และแผนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ โดย การทำงานของ สสส. ร่วมกับสถาบันส่งเสริมภาคประชาสังคม (สสป.) มุ่งเน้นในการสร้างเครือข่ายและผลักดันการทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมจังหวัด ในประเด็นต่างๆ ที่มีลักษณะข้ามประเด็นหรือข้ามองค์กร โดยเป็นการใช้พื้นที่จังหวัดเป็นที่ตั้งในการดำเนินกิจกรรม มีโครงสร้างการเชื่อมกันเป็นเครือข่ายในระดับจังหวัดที่ชัดเจน มีการร่วมมือกับภาครัฐเพื่อการเข้าถึงการสนับสนุนทรัพยากร ซึ่งภาคประชาสังคมที่เข้ามารวมกันในกลไกจังหวัดนั้น มีทั้งองค์กรที่มีสถานะทางกฎหมายที่ชัดเจน เช่น สภาองค์กรชุมชน มูลนิธิ สมาคม และองค์กรที่ไม่มีสถานะทางกฎหมายที่ชัดเจน เช่น องค์กรประชาชน องค์กรแรงงาน เพื่อผลักดันประเด็นการสร้างสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะเข้าสู่แผนพัฒนาจังหวัด ผ่านกลไกคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.จ.) เพื่อให้เกิดรูปธรรมในการดูแลประชากรกกลุ่มเฉพาะในระดับจังหวัดอย่างชัดเจน พร้อมทั้งผลักดันแนวคิดวิสาหกิจเพื่อสังคมมาขับเคลื่อนงานพัฒนาสังคมขององค์กรภาคประชาสังคมให้สามารถพึ่งตนเองได้ในพื้นที่ 10 จังหวัด จากการดำเนินงานของ สสส. ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมภาคประชาสังคม (สสป.) และภาคประชาสังคมระดับจังหวัดที่ผ่านมา ได้ค้นพบการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทำงานของจังหวัดที่สำคัญ คือ 1. เกิดพื้นที่กลางของภาคประชาสังคมจังหวัด เพื่อเชื่อมการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคม 2. เกิดความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาของจังหวัดร่วมกัน 3. เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้แลกเปลี่ยนแนวคิดการทำงานร่วมกับคนรุ่นใหญ่ 4. เกิดแผนยุทธศาสตร์ของภาคประชาสังคมในจังหวัดอย่างเป็นระบบ ในการดูแลประชากรกลุ่มเฉพาะ 5. เกิดการเรียนรู้ประเด็นทางนโยบายในการสร้างความเข้มแข็งของภาคประชาสังคม 6. เกิดการจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อวางแผนการทำงานให้สอดคล้องกับบริบท ต้นทุน และโอกาสในแต่ละพื้นที่ 7. เกิดการสื่อสาธารณะเพื่อสร้างเสริมสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะในวงกว้าง ตามประเด็นการทำงานของภาคประชาสังคมในจังหวัด แต่อย่างไรก็ตาม การทำงานกับกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ต่าง ๆ ยังพบความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมทางสุขภาพยังปรากฎในพื้นที่ อีกทั้งในแต่ละพื้นที่ยังมีกลุ่มประชากรที่หลากหลาย และแตกต่างทางความเชื่อ ศาสนา และวัฒนธรรม ที่จะต้องใช้วิธีการและกลไกในการจัดการปัญหาที่ต่างกัน ดังนั้น การทำงานเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพ จึงต้องใช้ความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เพื่อเป็นหุ้นส่วนในการทำงานร่วมกัน ภรณีกล่าว คุณกัลยทรรศน์ ติ้งหวัง เครือข่ายรักจังสตูล กล่าวว่า จากข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เปิดเผยสถิติติความรุนแรง ที่เกิดขึ้นในครอบครัวรอบ 6 ปี (ตั้งแต่ปี 2559-2564) มีแนวโน้มสูงขึ้นรวม 9,396 ราย เฉลี่ยปีละ 1,564 ราย เดือนละ 130 ราย และเฉลี่ยความรุนแรงในครอบครัววันละ 4 ราย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการใช้สารเสพติดที่เพิ่มมากขึ้น และความเครียดทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อรายได้ในครอบครัว โดยการกระทำความรุนแรงในครอบครัวของจังหวัดสตูล ส่วนใหญ่ผู้ที่กระทำความรุนแรงเป็นเพศชายและผู้ที่ถูกกระทำความรุนแรงจะเป็นเพศหญิง โดยในปี 2562 มีผู้ที่ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวจนถึงแก่ชีวิตถึง 6 ราย สาเหตุความรุนแรงในครอบครัว จัดลำดับได้ดังนี้ คือ 1) เมาสุราและจากฤทธิ์ยาเสพติด 2) ความรุนแรงทางเพศ (การข่มขืน) 3) การหึงหวง การนอกใจ 4) การพูดจาดุด่าถูกดูถูกดูแคลน ทำให้เกิดการร่วมตัวขององค์กรและเครือข่ายภาคประชาสังคม จังหวัดสตูล ร่วมกันจัดตั้งศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตมุสลิมะห์ตามวิถีอิสลาม (ศพม.) เพื่อให้ความช่วยเหลือและส่งต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง ใน ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นพื้นที่มีความพร้อมทั้งต้นทุนและศักยภาพในการทำงานของคนในพื้นที่ ภายใต้การสนับสนุนของ สสป. และ สสส. ปัจจุบันเกิดการจัดตั้งเครือข่ายผู้หญิงที่ได้รับความรุนแรงในครอบครัวกว่า 71 คน และให้บริการผู้หญิงที่ได้รับความรุนแรงในครอบครัวแล้ว 102 คน (สิงหาคม -ธันวาคม 2567) โดยพบต้นเหตุความรุนแรงมาจากเรื่องยาเสพติด ทำให้ส่งผลกระทบต่อจิตใจต่อผู้หญิงและคนในครอบครัว ทางศูนย์ฯ จึงติดตาม เฝ้าระวัง และร่วมแก้ไขปัญหาโดยแกนนำอาสาสมัครสตรีมุสลิมในพื้นที่ต่อไป กัลยทรรศน์กล่าว